เฝ้ามองแม้ไม่เห็น
เป็นเพียงรูปที่ไร้ลักษณ์
เนิ่นนานผ่านตระหนัก
สัมผัสรักไร้ร่องรอย
ยังยินแม้สิ้นเสียง
ในสำเนียงที่ไร้ถ้อย
ลางเลือนใช่เลื่อนลอย
กลับปลดปล่อยเป็นเสรี
คลายบ่วงอันลวงรัด
คลายมัดบรรดามี
อาบแสงแห่งรวี
ให้เจิดจ้าในจิตใจ
ตัวตนของคนเขลา
ธุลีเถ้าสลายไป
ดวงจิตสถิตนัย
นามความรักจักยืนยง
โลกพิลาสจึงสฤษฏ์
โดยวิจิตรและบรรจง
ผืนหล้านภาพง
ล้วนงดงามจนจับใจ
ขณะสุญญตารมณ์
ความรักพรมพร่างพิไล
ไขว่คว้ายิ่งแสนไกล
ประจักษ์ได้เพียงใจตน
เป็นเพียงรูปที่ไร้ลักษณ์
เนิ่นนานผ่านตระหนัก
สัมผัสรักไร้ร่องรอย
ยังยินแม้สิ้นเสียง
ในสำเนียงที่ไร้ถ้อย
ลางเลือนใช่เลื่อนลอย
กลับปลดปล่อยเป็นเสรี
คลายบ่วงอันลวงรัด
คลายมัดบรรดามี
อาบแสงแห่งรวี
ให้เจิดจ้าในจิตใจ
ตัวตนของคนเขลา
ธุลีเถ้าสลายไป
ดวงจิตสถิตนัย
นามความรักจักยืนยง
โลกพิลาสจึงสฤษฏ์
โดยวิจิตรและบรรจง
ผืนหล้านภาพง
ล้วนงดงามจนจับใจ
ขณะสุญญตารมณ์
ความรักพรมพร่างพิไล
ไขว่คว้ายิ่งแสนไกล
ประจักษ์ได้เพียงใจตน
ยิ่งใกล้ยิ่งไกลห่าง
ยิ่งอ้างว้างไม่เห็นหน
ฝันใฝ่ใครยินยล
กลับหมองหม่นจนช้ำจินต์
หลงรูปจูบเงาฝัน
ไม่เห็นกันใฝ่ถวิล
ปล่อยใจให้โบยบิน
สู่ปลายฟ้าเสาะหาเธอ
บดบังระหว่างช่วง
ใคร่ถามทวงเกรงจะเก้อ
หมอกม่านหวานละเมอ
พาใจเผลอเพ้อรำพัน
ยิ่งไขว่ยิ่งไกลห่าง
ยิ่งอ้างว้างเกินจะฝัน
คล้องบ่วงพ่วงสัมพันธ์
สุดไกลกันฝันเลือนลาง
ฝากดาวพราวไสว
ส่องอำไพใกล้ยามสาง
จุมพิตสนิทวาง
สู่ห้วงใจคนไกลกัน
แซมค่ะ