มาฉลองบอร์ดใหม่กันดีกว่า
ลุงเว็บใจดีอุตส่าห์ . .. เปิดให้
วันที่ 18 มกราคม 2556 ~ ตรงกับวันเกิดลุงไพร
กระทู้แรกของบอร์ดชื่อ ❤ ... คือฉัน..ที่ห่วงใย ... ❤
. .. พี่สาวจากแดนไกลมาประเดิม~*
. .. มาทำความรู้จักกับกลอนเปล่ากันดีกว่า . ..
กลอนเปล่า - กลอนเปลือย
กลอนเปล่า ( Blank words ) มีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น กลอนอิสระ กลอนปลอดสัมผัส คำร้อยไร้ฉันทลักษณ์
เป็นคำประพันธ์รูปแบบใหม่ ที่มีลักษณะกำกึ่งระหว่างร้อยกรองกับร้อยแก้ว
ดังนั้นจึงเป็นการเรียบเรียงถ้อยคำ โดยไม่มีลักษณะบังคับทางฉันทลักษณ์ท่ตายตัว แต่ก็ไม่ใช่ความเรียงเขียนติดต่อกันไปอย่างร้อยแก้ว
จะมีการแบ่งเป็นช่วงเป็นวรรค ที่ได้จังหวะงดงาม สั้นหรือยาวก็แล้วแต่เนื้อความ
การแบ่งข้อความเป็นวรรคเป็นช่วงนี่เอง ทำให้ดูแล้วมีลักษณะเหมือนกลอน
กลอนเปล่าจะมุ่งเน้นเนื้อหามากกว่ารูปแบบ ไทยได้รับอิทธิพลกลอนเปล่ามาจากตะวันตก
ผู้ที่นำกลอนเปล่ามาใช้ในไทย คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอย่หัว รัชกาลที่ 6
โดยใช้เป็นบทสนทนาของบทละครที่แปลมาจากบทละครของเช็คสเปียร์ เช่น เรื่อง โรเมโอและจูเลียต เช่น
" นามนั้นสำคัญไฉนที่เราเรียกกุหลาบนั้น
แม้เรียกว่าอย่างอื่นก็หอมรื่นอย่เหมือนกัน
โรเมโอก็ฉันนั้น, แม้โรเมโอมิใช่นาม,
ก็คงจะยังพร้อม บริบูรณ์ ด้วยสิ่งงาม
โดยไม่ต้องใช้นามโรเมโอ, ทิ้งนามไกล "
ต่อมา จิตร ภูมิศักดิ์ เขียนบทร้อยกรอง ชื่อพิราบขาว ในลักษณะของกลอนเปล่า
แต่เปลี่ยนแปลงไปจากของเดิม ในความหมายของตะวันตก ทำให้มีผู้เรียกว่า กลอนเปลือย
กลอนเปล่า-กลอนเปลือย จึงเป็นงานเขียนที่ใช้ถ้อยคำให้กระทัดรัด จัดเป็นบรรทัด มีความสั้น ยาว ไม่เท่ากัน
หรือจัดเป็นรูปใดรูปหนึ่งคล้ายร้อยกรอง เพียงแต่ไม่มีสัมผัสบังคับเท่านั้น เช่น
ตัวอย่างที่ ๑ มีรูปแบบ - สัมผัส คล้ายกาพย์ยานี มีการใช้ภาพพจน์
สีเทาแห่งราตรี
มืดมนมีความเหว่ว้า
ลมหนาวพัดผ่านมา
มองนภาน่าหวั่นใจ
หริ่ง หริ่ง เรไรร้อง
ดั่งนวลน้องครวญคร่ำไห้
มองจันทร์ผ่องอำไพ
ดั่งดวงใจอาลัยเอย
ตัวอย่างที่ ๒ มีรูปแบบ - สัมผัส คล้ายกลอนแปด
ตอนนี้...ฉันรู้เธอสงสัย
ว่าทำไม...ฉันเปลี่ยนไปไม่เหมือนก่อน
ดูเงียบ ๆ ... เรียบง่ายไม่ซับซ้อน
ดูเฉยชากับทุกตอนที่ผ่านไป
...อยากบอกเธอไม่มีใครทำให้เปลี่ยน
แต่เรื่องเรียนฉันเคยเขียนความฝันไว้
อนาคตวาดไว้สูงฉันต้องไป
ใช่เธอทำผิดใจ
หรือหัวใจ... ข้างในมีใครแทน
ตัวอย่างที่ ๓ เป็นร้อยแก้วธรรมดา มุ่งเน้นอารมณ์
แม่จ๋า ...
หนูหนาวเหลือเกิน
ทำไมเราไม่มีเสื้อกันหนาวเหมือนคนอื่น
แม่จ๋า ...
หนูหิวเหลือเกิน
ทำไมเราไม่มีข้าวกินเหมือนคนอื่นเขา
.............................
ก็เรามันจนนี่ลูก...
แม่ตอบ...
น้ำตาแม่หลั่งไหล ... อาบแก้ม
...........................
แม่จ๋า...
แม่อย่าร้องไห้
หนูไม่หนาว หนูไม่หิวแล้ว
ฯลฯ
ที่มา : คัดลอกข้อมูลบางส่วนมาจาก internet และ http://sirimajan.exteen.com/20080310/entry
. .. ขอขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับที่มาของข้อมูลค่า . ..
. .. กลอนเปล่าที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไปส่วนใหญ่เป็นรูปแบบตามตัวอย่างที่ 2 . ..
ซึ่งเคยเป็นที่นิยมกันมากในหมู่วัยรุ่นในช่วงยุคสมัยหนึ่ง
แต่ไม่ว่าน้องๆ จะฝึกแต่งกลอนรูปแบบใด สิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกก็คือ การสะกดคำและใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
ยกตัวอย่างนะคะ ศัพท์บางคำ เช่น เธอ ไม่ควรเขียนเป็น เทอ
การเขียนผิดๆ ไม่ได้ทำให้กลอนโก้เก๋ ในทางตรงกันข้าม กลับทำให้กลอนซึ่งไพเราะ . .. ขาดความน่าอ่าน
อีกประการที่อยากฝากไว้ . .. พวกถ้อยคำด่าหยาบคาย, ลามก ไม่ควรใช้ค่ะ
กลอนประชดประชันไม่ต้องมีคำด่าประเภทถึงพริกถึงขิงก็แสบถึงใจได้ . .. กลอนตลกไม่ใช้คำลามกก็ขำได้
. .. ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ . . ยินดีรับคำชี้แนะและปรับปรุงแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง (ขอเป็นทาง pm นะคะ) . ..
กลอนเปล่า - กลอนเปลือย
กลอนเปล่า ( Blank words ) มีชื่อเรียกหลายอย่าง เช่น กลอนอิสระ กลอนปลอดสัมผัส คำร้อยไร้ฉันทลักษณ์
เป็นคำประพันธ์รูปแบบใหม่ ที่มีลักษณะกำกึ่งระหว่างร้อยกรองกับร้อยแก้ว
ดังนั้นจึงเป็นการเรียบเรียงถ้อยคำ โดยไม่มีลักษณะบังคับทางฉันทลักษณ์ท่ตายตัว แต่ก็ไม่ใช่ความเรียงเขียนติดต่อกันไปอย่างร้อยแก้ว
จะมีการแบ่งเป็นช่วงเป็นวรรค ที่ได้จังหวะงดงาม สั้นหรือยาวก็แล้วแต่เนื้อความ
การแบ่งข้อความเป็นวรรคเป็นช่วงนี่เอง ทำให้ดูแล้วมีลักษณะเหมือนกลอน
กลอนเปล่าจะมุ่งเน้นเนื้อหามากกว่ารูปแบบ ไทยได้รับอิทธิพลกลอนเปล่ามาจากตะวันตก
ผู้ที่นำกลอนเปล่ามาใช้ในไทย คือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอย่หัว รัชกาลที่ 6
โดยใช้เป็นบทสนทนาของบทละครที่แปลมาจากบทละครของเช็คสเปียร์ เช่น เรื่อง โรเมโอและจูเลียต เช่น
" นามนั้นสำคัญไฉนที่เราเรียกกุหลาบนั้น
แม้เรียกว่าอย่างอื่นก็หอมรื่นอย่เหมือนกัน
โรเมโอก็ฉันนั้น, แม้โรเมโอมิใช่นาม,
ก็คงจะยังพร้อม บริบูรณ์ ด้วยสิ่งงาม
โดยไม่ต้องใช้นามโรเมโอ, ทิ้งนามไกล "
ต่อมา จิตร ภูมิศักดิ์ เขียนบทร้อยกรอง ชื่อพิราบขาว ในลักษณะของกลอนเปล่า
แต่เปลี่ยนแปลงไปจากของเดิม ในความหมายของตะวันตก ทำให้มีผู้เรียกว่า กลอนเปลือย
กลอนเปล่า-กลอนเปลือย จึงเป็นงานเขียนที่ใช้ถ้อยคำให้กระทัดรัด จัดเป็นบรรทัด มีความสั้น ยาว ไม่เท่ากัน
หรือจัดเป็นรูปใดรูปหนึ่งคล้ายร้อยกรอง เพียงแต่ไม่มีสัมผัสบังคับเท่านั้น เช่น
ตัวอย่างที่ ๑ มีรูปแบบ - สัมผัส คล้ายกาพย์ยานี มีการใช้ภาพพจน์
สีเทาแห่งราตรี
มืดมนมีความเหว่ว้า
ลมหนาวพัดผ่านมา
มองนภาน่าหวั่นใจ
หริ่ง หริ่ง เรไรร้อง
ดั่งนวลน้องครวญคร่ำไห้
มองจันทร์ผ่องอำไพ
ดั่งดวงใจอาลัยเอย
ตัวอย่างที่ ๒ มีรูปแบบ - สัมผัส คล้ายกลอนแปด
ตอนนี้...ฉันรู้เธอสงสัย
ว่าทำไม...ฉันเปลี่ยนไปไม่เหมือนก่อน
ดูเงียบ ๆ ... เรียบง่ายไม่ซับซ้อน
ดูเฉยชากับทุกตอนที่ผ่านไป
...อยากบอกเธอไม่มีใครทำให้เปลี่ยน
แต่เรื่องเรียนฉันเคยเขียนความฝันไว้
อนาคตวาดไว้สูงฉันต้องไป
ใช่เธอทำผิดใจ
หรือหัวใจ... ข้างในมีใครแทน
ตัวอย่างที่ ๓ เป็นร้อยแก้วธรรมดา มุ่งเน้นอารมณ์
แม่จ๋า ...
หนูหนาวเหลือเกิน
ทำไมเราไม่มีเสื้อกันหนาวเหมือนคนอื่น
แม่จ๋า ...
หนูหิวเหลือเกิน
ทำไมเราไม่มีข้าวกินเหมือนคนอื่นเขา
.............................
ก็เรามันจนนี่ลูก...
แม่ตอบ...
น้ำตาแม่หลั่งไหล ... อาบแก้ม
...........................
แม่จ๋า...
แม่อย่าร้องไห้
หนูไม่หนาว หนูไม่หิวแล้ว
ฯลฯ
ที่มา : คัดลอกข้อมูลบางส่วนมาจาก internet และ http://sirimajan.exteen.com/20080310/entry
. .. ขอขอบพระคุณอย่างสูงสำหรับที่มาของข้อมูลค่า . ..
. .. กลอนเปล่าที่พบเห็นกันอยู่ทั่วไปส่วนใหญ่เป็นรูปแบบตามตัวอย่างที่ 2 . ..
ซึ่งเคยเป็นที่นิยมกันมากในหมู่วัยรุ่นในช่วงยุคสมัยหนึ่ง
แต่ไม่ว่าน้องๆ จะฝึกแต่งกลอนรูปแบบใด สิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกก็คือ การสะกดคำและใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง
ยกตัวอย่างนะคะ ศัพท์บางคำ เช่น เธอ ไม่ควรเขียนเป็น เทอ
การเขียนผิดๆ ไม่ได้ทำให้กลอนโก้เก๋ ในทางตรงกันข้าม กลับทำให้กลอนซึ่งไพเราะ . .. ขาดความน่าอ่าน
อีกประการที่อยากฝากไว้ . .. พวกถ้อยคำด่าหยาบคาย, ลามก ไม่ควรใช้ค่ะ
กลอนประชดประชันไม่ต้องมีคำด่าประเภทถึงพริกถึงขิงก็แสบถึงใจได้ . .. กลอนตลกไม่ใช้คำลามกก็ขำได้
. .. ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ . . ยินดีรับคำชี้แนะและปรับปรุงแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง (ขอเป็นทาง pm นะคะ) . ..