Re: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
25 พฤศจิกายน 2024, 07:55:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เชิญบ้าง.......เชิญแต่งฉันท์พันบท......โดยใช้เวลาสักสิบปีน่าจะพอ  (อ่าน 209732 ครั้ง)
ไร้นวล^^
ผู้ดูแลบอร์ด
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 825
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,430

โปรดแนะนำเพื่อค้ำชูภาษาไทย


« เมื่อ: 16 มกราคม 2013, 10:38:PM »

-พละ๕ คือ ศรัทธา, ปัญญา, ความเพียร, สมาธิ, สติ

-อินทรวิเชียรฉันท์๑๑

๐น้อมธรรมะบรรยาย      อภิปรายประโยชน์ชนม์
เพื่อพบประสพผล           ชนะจิตพิชิตชัย
๐ข้าน้อยดนูนำ              พละธรรมพระจอมไตร
แจกแจงแสดงไว้            มิตระพึงพินิจเทอญ
๐ศรัทธาประการหนึ่ง       มติซึ่งเจริญเดิน
เทิดธรรม์และสรรเสริญ    นฤผู้ประเสริฐศรี
๐หากเพียงระวังตน         จิตล้นฤดีมี
ศรัทธาลุเกินปรี-           ดิประหนึ่งจะดึงลง
๐จึงต้องผลิปัญญา          คุณค่าประคองตรง
กันไว้มิให้หลง              นยะพัทธะศรัทธา
๐ปัญญาสว่างเกิน          ก็จะเพลินอหังการ์
คู่ธรรมะศรัทธา             บริบูรณ์จรูญจริง
๐พากเพียระเกียรติ์ไกร    ฐิติไว้วิภาสพิง
สำเร็จน่ะทุกสิ่ง             ชยะได้เพราะความเพียร
๐หากครั้นขยันยิ่ง         กิจวิ่งมิเว้นเวียน
ฟุ้งซ่านสะท้านเพี้ยน      เพราะสมองสะเทือนโถม
๐จึงนำสมาธิ์คู่             ชระชูเฉลิมโฉม
หมายมุ่งพยุงโทรม        นิเคราะห์เพียระตึงเกิน
๐หากแม้นสมาธิ์มาก     จิตอยากจะนิ่งเพลิน
เกียจคร้านประสมเกิน    ละเจริญพิจารณ์ธรรม์
๐เพียรจึงจะควรเคียง    เฉพาะเพียงสมาธิ์นั้น
อย่าตึง ฤ หย่อนขัน-    ธะริหลงระเริงหลุม
๐ทั้งสี่พระธรรมมี         สติที่พยุงคุม
ทวนนึกระลึกมุม          มรคาสง่าอิน-
๐ทรีย์ซึ่งพลังใส         ประจุไว้ประจำจินต์
ย่อมดลชโยสิ้น-         มสิเข้าประหัตหาญ(๓๙๓)

เมื่อพศ.๒๕๔๘ ผมได้มีโอกาสไปวัดนาหลวง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี
พระกัมมัฏฐานท่านเทศนาธรรมที่ชื่อว่าพละ๕ให้ฟังเป็นธรรมที่ถ้ามีในใจใครแล้ว จะทำให้จิตใจมีกำลังทำสิ่งใดก็สำเร็จ
-ศรัทธา (ถ้ามีมากเกินไปจะทำให้โง่ จึงต้องมีปัญญาควบคู่เสมอ)
-ปัญญา (ถ้ามากเกินไป จะทำให้มีอัตตาสูงเกินควร จึงต้องมีศรัทธาควบคู่)
-ความเพียร(มากเกินไปทำให้ฟุ้งซ่าน จึงต้องมีสมาธิกำกับ)
-สมาธิ(มากเกินไปทำให้เป็นคนเกียจคร้าน จึงตองควบคู่กับความเพียร)
  โดยทั้งหมดต้องใช้สติระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ ว่าภาวะจิตใจเราเป็นเช่นไร
ผมจึงถือโอกาสมาเล่าสู่มวลมิตรทุกท่านฟังอีกครั้งครับ



ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

รัตนาวดี, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, Thammada, ชลนา ทิชากร, จารุทัส, เนิน จำราย, ปู่ริน, choy, อริญชย์, อัญชัน, กรกช

ข้อความนี้ มี 12 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

แดนดินใดให้เราเกิด  เราจะเทิดทูนไว้เหนือเศียร

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s