แหงนมองดาวพราวใสอันไกลโพ้น
สายลมโอนอ่อนละมุนกรุ่นบุปผา
ยกจอกดื่มกับเงาเคล้าจันทรา
ลิ้มรสกาลเวลาที่ชาชิน
เสียงลมผ่านแผ่วผิวข้างทิวไผ่
บรรเลงในทำนองท่วงถวิล
ก้านใบไผ่เริงลมแล้วร่วงริน
ซบอ้อมแขนแผ่นดินก่อนสิ้นใจ
ภาพทรงจำลำ้ลึกนึกกำหนด
สัมผัสบทชีวิตลิขิตไว้
ทั้งเกิดดับเปลี่ยนแปลงที่เป็นไป
สิ่งใดๆในโลกล้วนเช่นกัน
เพียงคำรบพบพรากทิ้งซากเถ้า
ควันบางเบาเปล่าจางบนทางฝัน
สำเนียงถ้อยร้อยต่อทอสัมพันธ์
ยังแว่วผ่านคืนวันอันยาวไกล
หยิบพู่กันบรรจงลงลิขิต
เขียนชีวิตสถิตย์ตรวนความหวนไห้
ร่ายกวีบทหนึ่งอันตรึงใจ
บทจบไว้ว่างรอ เธอต่อเติม
สายลมโอนอ่อนละมุนกรุ่นบุปผา
ยกจอกดื่มกับเงาเคล้าจันทรา
ลิ้มรสกาลเวลาที่ชาชิน
เสียงลมผ่านแผ่วผิวข้างทิวไผ่
บรรเลงในทำนองท่วงถวิล
ก้านใบไผ่เริงลมแล้วร่วงริน
ซบอ้อมแขนแผ่นดินก่อนสิ้นใจ
ภาพทรงจำลำ้ลึกนึกกำหนด
สัมผัสบทชีวิตลิขิตไว้
ทั้งเกิดดับเปลี่ยนแปลงที่เป็นไป
สิ่งใดๆในโลกล้วนเช่นกัน
เพียงคำรบพบพรากทิ้งซากเถ้า
ควันบางเบาเปล่าจางบนทางฝัน
สำเนียงถ้อยร้อยต่อทอสัมพันธ์
ยังแว่วผ่านคืนวันอันยาวไกล
หยิบพู่กันบรรจงลงลิขิต
เขียนชีวิตสถิตย์ตรวนความหวนไห้
ร่ายกวีบทหนึ่งอันตรึงใจ
บทจบไว้ว่างรอ เธอต่อเติม