วันนี้อาจจะมาแปลกหน่อย
ผมจะมาพูดถึงเรื่องความสงบของจิตใจครับ
ซึ่งผมเองก็ไม่ได้มีความถนัดทางด้านนี้หรอกครับ
ผมเองก็จะขอเล่าแต่เพียงที่ตนรู้และสัมผัส
และคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อทุกคน ไม่มากก็น้อย
ไม่ขออธิบายในทางทฤษฎีมากนะครับ
ความสงบของจิตใจในวิธีการที่ผมจะกล่าวถึงนี้
มีผลดีที่เห็นได้ชัดเจนอยู่สองอย่าง
ซึ่งนั่นก็คือความผ่อนคลายทางกาย
และความผ่อนคลายทางใจครับ
ซึ่งผมคิดว่าส่งผลต่อสุขภาวะโดยรวมของเรามากทีเดียว
เข้าวิธีการเลยนะครับ
(จริงจริงแล้วไม่ต้องถึงกับยึดถือเป็นแบบแผนหรอกนะครับ
แล้วก็ทำในเวลาก่อนนอนจะได้ผลดี มีประสิทธิภาพมากกว่า)
เริ่มก็คือควรอาบน้ำชำระร่างกายให้เรียบร้อยก่อน
(โปรดสังเกต หลังอาบน้ำเราจะสดชื่น อารมณ์ดี และผ่อนคลาย)
จากนั้นก็สวดมนต์นั่งสมาธิตามศาสนาของตนเองครับ
(มันทำให้เราสงบมากขึ้นทั้งกายและใจ อีกทั้งยังเป็นการ
เคาะประตูความเชื่อ หรือจิตใจเบื้องลึกเรากลายกลายด้วย)
จากนั้นปล่อยใจให้สงบ นั่งหรือยืนเฉยเฉย หรืออะไรก็ตามแต่
ที่ทำให้เรารู้สึก เรื่อยเรื่อย สะบายสะบาย
จากนั้นก็เข้านอนเหมือนปรกติที่เราทำ
แต่คราวนี้อาจต้องมีการจัดแจงอะไรมากกว่าเดิมหน่อย
คือปรกติเวลาที่ผมทำผมมักจะนอนหงาย หรือนอนในท่าที่
เรียกว่าศพอาสนะของโยคะหรือคล้ายคล้ายนั้น
เราอาจต้องปรับอุณหภูมิห้องให้พอดีกับเรา
จัดผ้าห่มให้คลุมมาถึงคาง จัดให้สมดุลและสะบายครับ
หนุนหมอนหรือไม่ก็ตามใจเราครับ พยายามดูว่าถ้าหายใจลึกลึก
จะลำบากหรือเปล่า นอนสะบายหรือเปล่า
จากจัดทุกอย่างแล้วก็นอนครับ แล้วค่อยค่อยปรับลมหายใจ
ให้มีความละเอียด ลึก โล่ง สะบาย ผ่อนคลาย
แล้วก็ค่อยค่อยผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกาย
อาจเริ่มตั้งแต่เท้าจรดศีรษะ บอกกับตัวเราเองว่าให้ผ่อนคลาย
ใช้คำพูดดีดี ผสมกับจินตนาการเข้าไปด้วยก็ได้ครับ
อย่างผมจะบอกตัวเองว่า ผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกาย
สงบและผ่อนคลายอย่างยอดเยี่ยม ผ่อนคลายในทุกอวัยวะ
สงบมาขึ้น จิตดำดิ่งเข้าสู่ภวังค์ลึก
ก็แล้วแต่ครับว่าเราจะบอกกับตัวเองว่าอย่างไร
เคล็ดลับจะอยู่ที่การใช้ภาษาในเชิงบวก
คำทุกคำที่ใช้เป็นคำที่มีความหมายเชิงบวก
แล้วก็เติมคำชมเบาเบาไปด้วย แล้วก็ใส่ความรู้สึกและคล้อยตาม
ในสิ่งที่ตัวเราบอกให้มากมาก
ผสมผสานกับจินตนาการ ซึ่งนี่ก็แล้วแต่เราอีกเช่นกัน
อย่างผมจินตนาการว่า มีแสงแห่งความสุขสาดส่องมายังร่าง
และส่งผ่านสิ่งดีดีไปทั่วทุกเซลล์ของร่างกาย
จินตนาการว่าสมองหลั่งสารเคมีดีดีออกมา แล้วแต่เราครับ
คือให้เกิดทั้งความสงบผ่อนคลายทั้งกายและใจครับ
ซึ่งทำมาถึงขั้นนี้ เราจะเข้าสู่ภวังค์ลึกในระดับหนึ่งแล้ว
คือมีความสงบ รู้สึกไหลลื่น มีสมาธิ สะบาย มีความสุข
ซึ่งตรงนี้เราอาจทำต่อไปเรื่อยเรื่อยจนหลับ
หรือเข้าสู่ความสงบที่สูงขึ้นไปอีกก็ได้
หรืออาจจะอธิษฐาน หรือบอกตัวเองอย่างใดก็ได้
ซึ่งตรงจุดนี้ คำพูดหรือจินตนาการที่เราบอกกับตัวเอง
จะเข้าสู่จิตใต้สำนึกของเราได้มาก สิ่งที่ตั้งใจ หรืออธิษฐาน
จะเป็นจริงได้เร็วมากกว่าปรกติ
(บอกซ้ำซ้ำจนหลับไป)
ในหมู่ชาวพุทธก็จะมีคำพูดที่ว่าจิตที่สงบมีกำลังมาก
หรือการทำสมาธิมีอานิสงส์มาก
โดยรวมใจความก็มีเท่านี้ครับ
ที่เหลือคือการลงมือปฏิบัติ การสังเกตตัวเอง
ค้นคว้าด้วยตัวเองต่อไปครับ
เพิ่มเติมหน่อยว่า หากเราเห็น สัมผัสรับรู้อะไร
อย่าไปยึดกับสิ่งนั้นให้มากครับ
แล้วก็ถ้าจะให้ดีก็ลองเข้าสู่สภาวะผ่อนคลายนี้ให้ได้
ในทุกทุกอิริยาบถครับ จะช่วยเราได้มากเวลาที่เหนื่อย
เครียด ตื่นเต้น วิตกกังวล หรือแม้แต่ตอนที่ไม่สะบายครับ
อยากรู้เพิ่มเติมหรือมีข้อสงสัยก็ถามได้เลยนะครับ
'ทุกวันเป็นวันดี'
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
23 พฤศจิกายน 2024, 08:24:AM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: ความสงบแบบง่ายง่าย (อ่าน 1863 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: