Re: ๐๐๐มุมกาแฟ๐๐๐
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
22 พฤศจิกายน 2024, 08:02:PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ๐๐๐มุมกาแฟ๐๐๐  (อ่าน 1348638 ครั้ง)
rit sriduang
Special Class LV2
นักกลอนผู้ก้าวสู่โลกอักษร

**

คะแนนกลอนของผู้นี้ 65
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 39



« เมื่อ: 01 ธันวาคม 2012, 03:22:PM »

ร้านกาแฟคนแซ่หลี

๑.ควันกาแฟลอยคลุ้งจากถุงผ้า
จับแผ่นฝ้ากระดานเป็นป้านคล้ำ
แผ่นกระดานเคลือบด้วยน้ำมันดำ
เป็นจ้ำน้ำตาลไหม้มาหลายปี
ถุงกาแฟแช่รอในหม้อต้ม
รสกล่อมกลมละมุนสกุลหลี
เพราะกาแฟคัดสรรแต่พันธุ์ดี
สุนทรีเวลาดื่มกาแฟ
จากทักษะชายชราที่หน้าร้าน     
สืบทอดงานละไมสมัยแม่
จากสมัยสามล้อยังจอแจ
กลายเป็นแพรถยนต์แทบล้นเลน

๒.ประตูเฟี้ยมหน้าร้านสีด้านด่าง
สีหน้าต่างแตกร้าวเป็นลายเส้น
ป้ายชื่อร้านหน้าระเบียงก็เอียงเอน
เกือบถูกเวนคืนที่หลายทีแล้ว
เขาสร้างชื่อเสียงร้านมานานช้า
จนลูกค้าบางคราวต้องเข้าแถว
จนสองฝั่งรถจองทั้งสองแนว
เพียงหนึ่งแก้วกาแฟก็แค่นั้น!!....


๓.ฤดูหนาว..เช้าวันอาทิตย์!
ล้านชีวิตผู้คนยังกรนฝัน
รอกลับมาวุ่นวายในวันจันทร์
มาสูดควันสีหม่นของคนเมือง
ข้าพเจ้าเดินย่ำบนฟุตบาท
สูดอากาศอึมครึมอย่างซึมเซื่อง
ยังไม่มีควันให้ระคายเคือง
จากรถเครื่องควันดำอันจำเจ     
สกุลหลีเปิดร้านแต่รุ่งเช้า
เสื้อขาวเก่าคอกลมปัดผมเป๋
เจ้าของร้านยกถุงกาแฟเท
กะคะเนสัดส่วนอันชวนชิม

๔.อีกสักครู่คงหลากด้วยลูกค้า
ที่เวียนมาไม่น้อยด้วยรอยยิ้ม
ข้าพเจ้าเลือกโต๊ะหนังสือพิมพ์
รอจะลิ้มกาแฟสักแก้วโต
ถ้วยกาแฟยกมา..ถ้วยตราไก่
ในถาดใส่แป้งทอดปาท่องโก๋
ลูกค้าเริ่มเข้ามารุ่นอาโก
อาวุโสรวมกันสักพันปี

๕.สตาร์บัคตรงข้ามกับสามแยก
มีแต่แขกหล่อสวยทั้งหมวยตี๋
ถือไอโฟนฟังเพลงอาร์แอนด์บี
คือวิถีที่เห็นที่เป็นไป

๖.สกุลหลีรุ่นปู่เคยฟูเฟื่อง
ความรุ่งเรื่องที่ผ่านพ้นสมัย
ความคร่ำคร่ากี่คนจะสนใจ
คนรุ่นใหม่หันหาสตาร์บัค
ภาพรถยนต์จอดรอจะเข้าร้าน
อันตรธานเหลือฝากแต่ซากปรัก
เพลงในร้านเล่าเอยก็เชยนัก
รอป้ายปักขึ้นทะเบียนว่าโบราณ
แต่รอยยิ้มทักทายจากชายเฒ่า
ดวงตาเศร้าสีหมองที่มองร้าน
บอกถึงความผูกพันกับวันวาน
กิจการกาแฟที่แม่รัก

๗.เพลงแว่วเบาเศร้าแสนจากแผ่นเสียง
เพลงนกเอี้ยงของคุณทนงศักดิ์
เหมือนถูกรื้อห้วงจินต์จากลิ้นชัก
ย้อนเฟืองจักรเวลาอันพร่าเลือน
ภาพทุ่งข้าวสีทองริมคลองใหญ่
ลำคลองใสโดดคลองกับผองเพื่อน
เคยตกปลา ตีไก่ จับไส้เดือน
ตัวที่เปื้อนด้วยดินและกลิ่นโคลน
นานจนลืมเสียงนกลืมรกราก
สวมหน้ากากครอบตัวด้วยหัวโขน
เข้าสู่ยุคสมัยแห่งไอโฟน
โลกถูกโยนเข้าแผ่นสัมผัสพิมพ์
เป็นความวูบวาบอันฉาบฉวย
อาจจะช่วยย่อโลกให้เล็กหลิม
ย่อหัวใจแคระแกร็นเท่าแผ่นซิม
ย่อรอยยิ้มกำบีบจนลีบแบน


๙.เมื่อบทเพลงนกเอี้ยงได้เสียงสิ้น
เพลงชรินทร์..แสนแสบ ว่าแสบแสน
ก็ล่องลอยหวานแหววมาแว่วแทน
ใจก็แล่นลอยล่องสู่ท้องธาร

วันที่เราเหนื่อยมาจนหน้าซีด
ยิ่งโหยหาอดีตอันหอมหวาน
สิ่งที่เหลือแต่จินตนาการ
ที่ลูกหลานบางคราวไม่เข้าใจ

๑ ธันวาคม ๒๕๕๕


ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

พี.พูนสุข, รัตนาวดี, รพีกาญจน์, yaguza, สุวรรณ, --ณัชชา--, รการตติ, อริญชย์, ไพร พนาวัลย์, ไม่รู้ใจ, D, กาแฟดำ, เนิน จำราย, บ้านกลอนไทย

ข้อความนี้ มี 14 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s