บานหน้าต่างรางเลือนเปื้อนรอยร้าว
ม่านบางขาวปลิวไหวคล้ายใจฉัน
ห้องสี่เหลี่ยมเปี่ยมเหงาเฝ้ากักกัน
ดั่งคุมขังผนังคั่นกั้นกางไว้
นอกผ้าม่านผ่านมองช่องหน้าต่าง
ดูเวิ้งว้างว่างเปล่าเหงาเพียงไหน
นั่งเหม่อพลอยลอยใจไปแสนไกล
คิดถึงใครใต้ฟ้าคราไร้ดาว
แก้วบางใสใส่เบียร์คลอเคลียข้าง
ไม่เคยห่างร้างไกลยามใจหนาว
เปิดบรรเลงเพลงเศร้าเคล้าเรื่องราว
หวนถึงคราวดาวพร่างอยู่กลางฟ้า
ล้มลงนอนหมอนกอดทอดตัวนิ่ง
คล้ายจมดิ่งในห้วงบ่วงเสน่หา
นอนปล่อยใจให้ผ่านกาลเวลา
พร่ำเพ้อหาคว้าดาวคราวมืดมน
บานหน้าต่าง เราสอง เคยปองรัก
หวานยิ่งนัก ชักพา มาพร่ำบ่น
แม้เดือนมืด ปานใด ใจสองคน
สุขเหลือล้น บนทาง ต่างรู้ใจ
เธอชวนชี้ มองดาว พร่างพราวฟ้า
ช่องหน้าต่าง พรางว่า แก้วตาใส
กลางขุนเขื่อน เดือนดับ ลับตาไป
แต่ฤทัย สองเรา เฝ้าผูกพันธ์
อากาศเย็น โชยมา ประทะร่าง
หนาวน้ำค้าง กลางป่า พนาสัณฑ์
เสียงชะนี โหยหวน ชวนจาบัลย์
หริ่งเรไร ร้องลั่น มิหวั่นเกรง
นั่งจิบเหล้า บางบาง พลางมองหน้า
สุขอุรา เปรมปรีดิ์ ฤดีเพ่ง
จึงชวนกัน ร้องรำ คร่ำครวญเพลง
เสียงวังเวง ทั่วไพร ในคืนนั้น