กำเคียวเกี่ยวข้าวพราวเม็ดเหงื่อ
ร้อนแดดแผดเหลือเจือลมไหว
พัดผ่านต้นข้าวร้าวดวงใจ
ล้มพาดพื้นไปไล่เลียบลาน
ก้มเกี่ยวแทบคลานมันสานขัด
ต้นปัดซัดสนอลหม่าน
น้ำแล้งข้าวล้มปมอาการ
ทรมานลำเค็ญเป็นชาวนา
กว่าข้าวหนึ่งเมล็ดสำเร็จผล
ทุกข์ทนข้นแค้นแสนหนักหนา
อาบเหงื่อต่างน้ำกล้ำน้ำตา
ยามขายส่ายหน้าค่าไม่มี
จำนำถูกด่าพากันโวย
โอดโอยพ่อค้าด่าตาสี
กำไรตรูหายอ้าย—ปรี
เหลือที่กลืนกล้ำกับคำคน
ม่านหมอกดั่งควันสีมันหมอง
เรียงรายคล้ายฟองมองฉงน
ปิดบังอาภัพด้วยอับจน
ให้พ้นสายตาบรรดามาร
เหลือเพียงเสียงลมระงมทุ่ง
ฝุ่นฟุ้งคุ้งฟ้ามาประสาน
ออกหาเงินเสริมเติมอาการ
เมื่อข้าวจากลาน..จากบ้านตาม.
ร้อนแดดแผดเหลือเจือลมไหว
พัดผ่านต้นข้าวร้าวดวงใจ
ล้มพาดพื้นไปไล่เลียบลาน
ก้มเกี่ยวแทบคลานมันสานขัด
ต้นปัดซัดสนอลหม่าน
น้ำแล้งข้าวล้มปมอาการ
ทรมานลำเค็ญเป็นชาวนา
กว่าข้าวหนึ่งเมล็ดสำเร็จผล
ทุกข์ทนข้นแค้นแสนหนักหนา
อาบเหงื่อต่างน้ำกล้ำน้ำตา
ยามขายส่ายหน้าค่าไม่มี
จำนำถูกด่าพากันโวย
โอดโอยพ่อค้าด่าตาสี
กำไรตรูหายอ้าย—ปรี
เหลือที่กลืนกล้ำกับคำคน
ม่านหมอกดั่งควันสีมันหมอง
เรียงรายคล้ายฟองมองฉงน
ปิดบังอาภัพด้วยอับจน
ให้พ้นสายตาบรรดามาร
เหลือเพียงเสียงลมระงมทุ่ง
ฝุ่นฟุ้งคุ้งฟ้ามาประสาน
ออกหาเงินเสริมเติมอาการ
เมื่อข้าวจากลาน..จากบ้านตาม.
"บ้านริมโขง"
๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕