หนึ่งแววตาใสซื่อ..แต่ดื้อด้าน
จิตใจกร้านอีกทางอย่างผยอง
ทิพย์สัมผัสยากไร้ผู้ใฝ่ปอง
ชอบครอบครองเย็นชาทุกอาการ
ซ้องวจีสีสรร..ช่างปั้นแต่ง
ถูกแยกแบ่งต่างใจ..ไม่ประสาน
ทิพย์สัมผัสพลิกผัน..จากวันวาน
ไม่เชี่ยวชาญหวานหวาม..ตามกวี
ผู้มืดมิด..จิตใจ..ใสสะอาด
ย่อมเปรื่องปราชญ์มิจริตผิดวิถี
ทิพย์สัมผัสแยบยลกร่นวลี
ผูกไมตรีเมตตาเอื้ออาวรณ์
ต่างดวงตา..แห่งธรรมร่ำร้องศิลป์
แววถวิล..แห่งศาสตร์มิอาจสอน
ทิพย์สัมผัส..แห่งรักเหนือนักกลอน
มิ่งอมร..แห่งมิตร..นิจนิรันดร์
หนึ่งแววใจไกลกัน..โดยสิ้นเชิง
หลงระเริงตาหวานกึ่งสานฝัน
ทิพย์สัมผัสมืดมิดคิดแบ่งปัน
กวีวรรณแกร่งกล้า...จึ่ง...ลามือ
จิตใจกร้านอีกทางอย่างผยอง
ทิพย์สัมผัสยากไร้ผู้ใฝ่ปอง
ชอบครอบครองเย็นชาทุกอาการ
ซ้องวจีสีสรร..ช่างปั้นแต่ง
ถูกแยกแบ่งต่างใจ..ไม่ประสาน
ทิพย์สัมผัสพลิกผัน..จากวันวาน
ไม่เชี่ยวชาญหวานหวาม..ตามกวี
ผู้มืดมิด..จิตใจ..ใสสะอาด
ย่อมเปรื่องปราชญ์มิจริตผิดวิถี
ทิพย์สัมผัสแยบยลกร่นวลี
ผูกไมตรีเมตตาเอื้ออาวรณ์
ต่างดวงตา..แห่งธรรมร่ำร้องศิลป์
แววถวิล..แห่งศาสตร์มิอาจสอน
ทิพย์สัมผัส..แห่งรักเหนือนักกลอน
มิ่งอมร..แห่งมิตร..นิจนิรันดร์
หนึ่งแววใจไกลกัน..โดยสิ้นเชิง
หลงระเริงตาหวานกึ่งสานฝัน
ทิพย์สัมผัสมืดมิดคิดแบ่งปัน
กวีวรรณแกร่งกล้า...จึ่ง...ลามือ
สองตาหม่น..คละคลุ้งเคยฟุ้งซ่าน
นัยน์ตาหวานคราเสื่อมเคยเอื้อมถือ
เด่นภาพพร่าตาคมข่มคำลือ
เพราะคนดื้อหนาวเหน็บเก็บอาการ
ในเย็นชาซ่าทรวง..ห่วงปั้นแต่ง
เลยเว้าแหว่งจองจำ..จากคำหวาน
สัมผัสผันในจิตปิดดวงมาน
แต่ตระการยามต้องกรองวจี
อ่านกลอนผ่านออกไปให้เธอแล้ว
คำหวานแว่วตามทางต่างแสงสี
สว่างใสสานผสมห่มไมตรี
ดุจเสรี..จากไม้เท้าเธอก้าวเดิน
ติดดวงตาแห่งธรรมคำพร่ำพรอด
จะโอบกอดวัตรงาม..ยามเดินเหิน
นัยน์ตาพร่าแต่รอยยิ้มกริ่มดำเนิน
เย้าหยอกเอิน..ทิพย์สัมผัสจากนักกลอน
จึงทวนซ้ำคำซึ้งให้ตรึงผ่าน
เมื่อได้อ่านลำนำจากคำสอน
ยิ่งซึ้งค่าคารมคมคำวอน
ที่สรรซ่อนซ้องวจี..กวีคม
รการตติ