ตัดกระบอกไผ่ยาวทำข้าวหลาม
ทุกปล้องงามเรียงวางอยู่ข้างฝา
เย็นวานได้ข้าวเหนียวจากเสี่ยวมา
จึงเดินหาลำไผ่ตัดให้พอ
ยังไม่ทันได้กรอกกระบอกข้าว
ลมก็หนาวพัดให้หัวใจฝ่อ
จึงวางปล้องทันทีไม่รีรอ
เข้านอนต่อผ่อนคลายสบายตัว
เช้าผิงไฟคลายหนาวกรอกข้าวหลาม
หยิบลงตามกันไปสอดไส้ถั่ว
จากนั้นจุดไฟเผาเขม่ามัว
กระทั่งวัวยังจ้องอยากลองกิน
หลังเผาสุกจึงผ่าออกมาหอม
ข้าวหลามพร้อมคุณค่าชวนถวิล
ขณะที่น้ำลายเริ่มไหลริน
ก็เห็นชิ้นคางคกเหยียดยกมือ
สงสัยมันหนีหนาวมุดเข้าหลบ
เพียงแค่พบปล้องลำมืดดำปื้อ
จึงกระโดดเข้าไปซ่อนให้คือ
ด้วยสัตย์ซื่อหวังให้ปลอดภัยตน
ฉันก็คาดไม่ถึงนั่งอึ้งอยู่
เพราะไม่รู้จึงได้เผาไหม้หม่น
ในข้าวหลามคางคกตายยกตน
เลยอ้วกจนหายหนาวเมื่อเช้านี้!ฯ
อริญชย์
๑๐/๑๐/๒๕๕๕
ปล.เป็นเพียงจินตนาการแต่งเรื่องเล่น ๆ โดยมีเค้าโครงเดิมจากข่าวข้างล่างนี้เน้อ ทุกท่าน
พี่น้อง 2 สาวซื้อข้าวหลามในงานวันสตรีสากล บริเวณศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เจอซากอึ่งอ่างผสมอยู่กับข้าวหลาม ถึงกับอาเจียน…
เมื่อเวลา 23.00 น.12 มี.ค.53 นางจรูญศรี อินทร์เนื่อง อายุ 42 ปี และนางนาถยา ศรพรหม อายุ 38 ปี สองพี่น้อง อยู่บ้านเลขที่ 54/4 หมู่ 2 ต.มะม่วงสองต้น อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เดินหิ้วถุงพลาสติก ข้างในมีข้าวหลาม 1 กระอบก เดินทางเข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าวว่า พบซากอึ่งอ่างอยู่ในกระบอกข้าวหลาม โดยทั้งคู่ช่วยกันเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้เดินทางมาเที่ยวงานบริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัด (หลังเก่า) มีการจำหน่ายสินค้ามากมาย รวมทั้งการแสดงบนเวทีของกลุ่มสตรีและนักเรียนนักศึกษามากมาย
“ก่อนกลับบ้านได้พบกับแม่ค้าขายข้าวหลามเจ้าประจำ โดยคนขายเป็นคุณยายวัยเกือบ 60 ปี ทราบว่าบ้านอยู่ที่บ้านมะม่วงตลอด ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งคุณยายคนดังกล่าวยึดอาชีพขายข้าวหลามมานานหลายปีแล้ว และข้าวหลามของคุณยายมีรสชาติอร่อยมาก จึงได้ซื้อข้าวหลามกระบอกเล็กๆ จำนวน 1 มัด 5 กระบอก เพื่อนำกลับไปฝากพ่อและแม่ที่บ้าน เมื่อกลับไปถึงบ้านพบพ่อและแม่นั่งอยู่ในบ้าน จึงนำข้าวหลามยื่นให้ให้พ่อและแม่กิน เมื่อพ่อนำข้าวหลามกระบอกหนึ่งออกมาแกะ พบว่าเป็นข้าวหลามข้าวเหนียวขาวใส่ถั่วดำ จึงหักกินตรงส่วนบนสุดยาวประมาณ 1 นิ้ว หลังจากนั้นได้หักข้าวหลามลงมาอีกยาวประมาณ 2 นิ้วก็พบซากลูกอึ่งอ่างตัวหนึ่ง ขนาดโตกว่าหัวแม่มือเล็กน้อย อยู่ในกระบอกข้าวหลาม และอยู่ตรงส่วนกลางของข้าวเหนียว ครั้งแรกพ่อยังไม่คิดว่าเป็นอึ่งอ่าง แต่คิดว่าเป็นถั่วดำหรือส่วนผสมอะไรสักอย่างที่คนทำข้าวหลามจงใจใส่ไว้”
สองพี่น้องเล่าต่ออย่างอารมณ์ดีว่า “พ่อของตนสงสัยว่าสิ่งที่พบมันคืออะไรกันแน่ จึงเรียกแม่และพวกตนมาช่วยดู โดยช่วยกันแกะข้าวเหนียวที่เกาะติดรอบๆ วัตถุต้องสงสัยออก และต้องตะลึงเพราะมันคือซากลูกอึ่งอ่างที่โดนความร้อนจนสุก ยังมีอวัยวะต่างๆ ครบถ้วน และทันทีที่รู้ว่าเป็นข้าวหลามสอดไส้อึ่งอ่าง พ่อถึงกับอาเจียนหมดไส้หมดพุง หน้าดำหน้าเขียวไปเลยทีเดียว จากนั้นจึงรวบรวมข้าวหลามทั้งหมดมาร้องเรียนกับสื่อมวลชน โดยไม่ประสงค์จะเอาผิดกับคุณยายแม่ค้าข้าวหลาม แต่อยากให้เป็นอุทาหรณ์เตือนให้คุณยายหรือคนอื่นๆ ที่ทำข้าวหลามจำหน่าย ขอให้ช่วยระมัดระวังสิ่งแปลกปลอมที่อาจจะตกหล่นลงไปในกระบอกข้าวหลามได้ หรืออาจจะมีสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมด แมลง เขียด อึ่งอ่าง คางคก ตะขาบ เป็นต้น ซึ่งอาจจะหลบร้อนเข้าไปอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ที่ตัดวางไว้ก่อนกรอกข้าวเหนียว ถั่วดำ และน้ำกะทิ
สำหรับกรณีของคุณยายรายนี้ คงไม่ได้จงใจที่จะจับลูกอึ่งอ่างใส่ในกระบอกข้าวหลาม แต่ลูกอึ่งอ่างมันคงจะเข้าไปอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ เมื่อคุณยายนำกระบอกไม้ไผ่ที่เตรียมไว้มากรอกข้าวเหนียว ถั่วดำ และน้ำกะทิ ลงไปโดยไม่รู้ เมื่อนำไปเผาไฟ ทำให้ลูกอึ่งอ่างที่ได้รับความร้อน พยายามดิ้นรนหาทางออก แต่ทนความร้อนไม่ไหวสุกตายไปพร้อมข้าวหนียว เป็นข้าวหลามยัดไส้อึ้งอ่างดังกล่าว
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาในหลายพื้นที่ของนครศรีธรรมราช นอกจากกรณีข้าวหลามสอดไส้อึ่งอ่างรายนี้แล้ว ผู้บริโภคยังเคยเจอข้าวหลามสอดไส้คางคก ตะขาบ และจิ้งจก มาแล้วเช่นกัน โดยสัตว์เหล่านี้จะหลบเข้าไปอยู่ในกระบอกไม้ไผ่ที่ตัดเตรียมไว้ทำข้าวหลามโดยที่ไม่มีใครรู้ เมื่อนำไม้ไผ่มากรอกข้าวเหนียวและส่วนผสมต่างๆ รวมทั้งผ่านกระบวนการผลิตจนเสร็จสิ้น จึงเกิดเรื่องกับผู้บริโภคดังกล่าว อยากฝากเตือนให้พ่อค้าแม่ค้าที่ผลิตข้าวหลามจำหน่าย กรุณาช่วยตรวจสอบในกระบอกไม้ไผ่ให้มั่นใจเสียก่อน
ขอขอบคุณข่าวทีมา
: http://www.thairath.co.th
http://pets.thaipetonline.com/%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87.html
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
บันทึกการเข้า
