**สายฝนพรม ลมผ่าน จากม่านฟ้า
โปรยปรายมา พาใจ ให้คิดหวน
คำนึงถ้อย ร้อยความ ส่งสำนวน
ที่อบอวล ไออุ่น คนคุ้นเคย
**เย็นพระพาย โบกโบย ระโรยรื่น
คราค่ำคืน ชื่นคำลำนำเผย
สื่อสารคลอ ลมเคล้า หยอกเย้าเปรย
ที่เอื้อนเอ่ย เฉลยค่า ปักตราตรึง
**สายสัมพันธ์ ผันไป เพราะไหวอ่อน
หากคืนย้อน วอนพร่ำ คำคิดถึง
“จะได้ไหม”? ดังก่อน อ้อนรำพึง
ด้วยครั้งหนึ่ง เคยนิยม คมกลอนกานท์
**สายฝนริน หลั่งซ้ำ จนย่ำรุ่ง
ละอองคลุ้ง คละเคล้า เข้าผสาน
ไอหมอกขาว พราวผ่อง ดั่งท้องธาร
โอ้..ดวงมาน เหน็บหนาว ร้าวเหลือเกิน
**เพราะไม่รู้ คำตอบ ที่มอบกลับ
จะยิ้มรับ หรือกลาย คล้ายห่างเหิน
หวั่นกมล หม่นเศร้า หากเขาเมิน
ให้ต้องเดิน ดายเดียวไม่เหลียวมอง
**นั่งดูฝน หล่นหลั่ง เพียงหวังว่า
เมื่อฝนซา พารื่น คืนสนอง
ได้เห็นแสง งามเรื่อ เจือสีทอง
สมใจปอง ครองชื่น ฟื้นสัมพันธ์....
“สุนันยา”
ยังหมายคอย ร้อยฝัน คืนวันเก่า
วันมีเจ้า เราสอง ครองสวรรค์
จูบเย้ยดาว พราวทรวง ท้าดวงจันทร์
แม้นเทวา ราชันย์ ต้องหันอาย
แต่วันนี้ พี่ใกล้ ใจจะขาด
เหมือนสิ้นชาติ วาสนา อุราหาย
อันชาติเสือ เหลืออวด คือลวดลาย
แต่ชาติชาย ตายอนาถ ถ้าขาดนาง
พี่ยอมทิ้ง หญิงใด ในไตรภพ
ใจสยบ ซบเพียง เจ้าเคียงข้าง
ถึงเพชรนิล จินดา มามอบวาง
มิเทียบปราง พร่างเย้า ของเจ้าเลย
ยังคิดถึง ตรึงตรา ไม่ซาสร่าง
ยามเจ้าร้าง ลาไกล โอ้ใจเอ๋ย
ความระทม ตรมเหงา เข้ามาเกย
แต่มิเคย คิดคด หมดรักเธอ