นั่งคางเกย โซฟา หันหน้าออก
มองไปนอก หน้าต่าง อย่างสับสน
คิดถึงเธอ ที่รัก ปักกมล
ไยเป็นคน เปลี่ยนใจ ไม่รักจริง
มองผู้คน หลากหน้า พาให้คิด
ถึงดวงจิต การกระทำ คำกลอกกลิ้ง
เธอทำไม ไยหลอก หยอกเหมือนลิง
ลืมทุกสิ่ง ที่เคยนัด ผลัดเรื่อยมา
หันมามอง ตัวเรา เศร้าสับสน
สาวชาวสวน จนจน คนกล่าวหา
วันเดือนปี หมุนผ่าน กาลเวลา
ปริญญา สักใบ ไม่มีเลย
เธอจึงผละ ละไป ไม่แยแส
ไม่เหลียวแล ทุกสิ่ง ทำนิ่งเฉย
ทิ้งฉันนั่ง จับเจ่า เศ้ราอกเอย
เธอไม่เคย เยื่อใย เอื้อไมตรี
โอ้อกสาว ชาวสวน ครวญคร่ำบ่น
หนุ่มกรุงธน คนใจร้าย มาหน่ายหนี
ไม่นึกถึง ความรัก ความภักดี
ที่ฉันมี ให้เธอ เสมอมา
นั่งคางเกย โซฟา น้ำตาไหล
แล้วปล่อยใจ เลื่อนลอย ให้คอยหา
นั่งคอยแล้ว คอยเล่า เขาจากลา
ปล่อยน้ำตา ไหลนอง ร้องให้พอ
ชลนา ทิชากร
มองไปนอก หน้าต่าง อย่างสับสน
คิดถึงเธอ ที่รัก ปักกมล
ไยเป็นคน เปลี่ยนใจ ไม่รักจริง
มองผู้คน หลากหน้า พาให้คิด
ถึงดวงจิต การกระทำ คำกลอกกลิ้ง
เธอทำไม ไยหลอก หยอกเหมือนลิง
ลืมทุกสิ่ง ที่เคยนัด ผลัดเรื่อยมา
หันมามอง ตัวเรา เศร้าสับสน
สาวชาวสวน จนจน คนกล่าวหา
วันเดือนปี หมุนผ่าน กาลเวลา
ปริญญา สักใบ ไม่มีเลย
เธอจึงผละ ละไป ไม่แยแส
ไม่เหลียวแล ทุกสิ่ง ทำนิ่งเฉย
ทิ้งฉันนั่ง จับเจ่า เศ้ราอกเอย
เธอไม่เคย เยื่อใย เอื้อไมตรี
โอ้อกสาว ชาวสวน ครวญคร่ำบ่น
หนุ่มกรุงธน คนใจร้าย มาหน่ายหนี
ไม่นึกถึง ความรัก ความภักดี
ที่ฉันมี ให้เธอ เสมอมา
นั่งคางเกย โซฟา น้ำตาไหล
แล้วปล่อยใจ เลื่อนลอย ให้คอยหา
นั่งคอยแล้ว คอยเล่า เขาจากลา
ปล่อยน้ำตา ไหลนอง ร้องให้พอ
ชลนา ทิชากร