ฟ้าฉ่ำฝนคนเหว่ว้าอุราเหงา
อกร้อนเร่าเศร้าจิตพิษสมร
ขาดน้ำใจไร้เมตตาเอื้ออาทร
ไม่อาวรณ์รอนฤทัยตัดไมตรี
ละอองชลฝนพราวให้หนาวเหลือ
เย็นแต่เนื้อเมื่อจิตร้อนอิตถี
ยามนวลจากฝากย้ำช้ำชีวี
แล้งฤดีในฤดูฝนพรูพรม
ไร้ถ้อยคำอำลาเมื่อคราพราก
เจ้าจรจากฝากชื่นความขื่นขม
ฝากพะนอคลอเคล้าความเศร้าตรม
ฝากภิรมย์ชมเสน่ห์ฝนเทโปรย
ฝนฟ้าร้องก้องสนั่นยิ่งหวั่นไหว
เจ้าสุขใจไร้เฉาแต่เราโหย
เคล้าเคียงชู้อยู่เฝ้าแต่เราโรย
เจ้าโบกโบยขโมยสุขเราทุกข์ทน...
" บูรพ์ "
ไม่มีถ้อยคำปลอบ มอบความชื่น
พอคลายขื่น ความขม ตรมห่างหาย
เมื่อรักเลือน เลื่อหลบลบ กลบมลาย
มีมากมาย ความเศร้า คอยเข้าคลุม
โอ้ไหนหลัก พักพิง อิงสนอง
ได้แต่ร้อง ท้อใจ ดั่งไฟสุม
รักอะไร จะมี มาคลี่คลุม
ให้ชื่นชุ่ม อุรา พาภิรมย์
เคยมีแต่ รักลวง ช่วงฝนหลั่ง
ช้ำภินท์พัง จนล้า พาขื่นขม
รักจริงใจไกลจาก มาพรากชม
หวังสุขสม กลับกลาย มลายเลือน
เมื่อฝนหลั่ง พร่างพรม คราลมหวน
ยิ่งปั่นป่วนอุรา หาใดเหมือน
โศกกำซับสลับกัน หันมาเยือน
รอยร้าวเตือน ทรงจำ ยามฝนริน
"สุนันยา"
พอคลายขื่น ความขม ตรมห่างหาย
เมื่อรักเลือน เลื่อหลบลบ กลบมลาย
มีมากมาย ความเศร้า คอยเข้าคลุม
โอ้ไหนหลัก พักพิง อิงสนอง
ได้แต่ร้อง ท้อใจ ดั่งไฟสุม
รักอะไร จะมี มาคลี่คลุม
ให้ชื่นชุ่ม อุรา พาภิรมย์
เคยมีแต่ รักลวง ช่วงฝนหลั่ง
ช้ำภินท์พัง จนล้า พาขื่นขม
รักจริงใจไกลจาก มาพรากชม
หวังสุขสม กลับกลาย มลายเลือน
เมื่อฝนหลั่ง พร่างพรม คราลมหวน
ยิ่งปั่นป่วนอุรา หาใดเหมือน
โศกกำซับสลับกัน หันมาเยือน
รอยร้าวเตือน ทรงจำ ยามฝนริน
"สุนันยา"