สายพิรุณโปรยปรายอยู่ชายฟ้า
จักโศกากลัวมันถึงขั้นไหน
เราสถิตบนพื้นแผ่นกว้างไกล
แลอยู่ใต้บ่วงกรรมทิฆัมพร
จึงต้องสู้สิ่งสรรพกับความคิด
พาชีวิตให้พ้นเหมือนหนก่อน
ห่าพิรุณคือห่าพลากร
ที่ราญรอนความรู้สึกเปรียบศึกใจ
เพียงอย่าท้อรอวันให้ผันผ่าน
จงคิดอ่านแก้กฎจิตสดใส
ความหมองเศร้าโศกศัลย์คือบรรลัย
ปล่อยทิ้งไปให้หมดอย่าจดจำ
เป็นแรงใจให้เธอเหมือนเกลอเก่า
หากเธอเหงาเราจะช่วยให้ชุ่มฉ่ำ
จึงเขียนกานท์หวานพจน์ให้มดนำ
ไปดื่มด่ำรจนาลาพิรุณ
จักโศกากลัวมันถึงขั้นไหน
เราสถิตบนพื้นแผ่นกว้างไกล
แลอยู่ใต้บ่วงกรรมทิฆัมพร
จึงต้องสู้สิ่งสรรพกับความคิด
พาชีวิตให้พ้นเหมือนหนก่อน
ห่าพิรุณคือห่าพลากร
ที่ราญรอนความรู้สึกเปรียบศึกใจ
เพียงอย่าท้อรอวันให้ผันผ่าน
จงคิดอ่านแก้กฎจิตสดใส
ความหมองเศร้าโศกศัลย์คือบรรลัย
ปล่อยทิ้งไปให้หมดอย่าจดจำ
เป็นแรงใจให้เธอเหมือนเกลอเก่า
หากเธอเหงาเราจะช่วยให้ชุ่มฉ่ำ
จึงเขียนกานท์หวานพจน์ให้มดนำ
ไปดื่มด่ำรจนาลาพิรุณ
บัณฑิตเมืองสิงห์
สายพิรุณตอกย้ำ ให้ช้ำหนัก
คิดถึงรัก ก่อนเคย เกยแนบหนุน
ตอนนี้ห่างร้างไกล ไม่การุญ
สิ้นละมุน อุ่นไอ ไร้อาวรณ์
ยากต่อต้าน หวั่นไหว ในดวงจิต
ดังลิขิต ปิดไว้ ให้หลอกหลอน
อัสนี ฟาดมา พาร้าวรอน
ภาพสะท้อน ย้อนเงา เข้าก่อกวน
ให้ทบทวน อดีต ที่กรีดย้ำ
เป็นรอยกรรม นำจิต คิดไห้หวน
จึงหมองหม่น ปนเหงา เฝ้าแต่ครวญ
ร้าวรัญจวน ป่วนปั่น ทุกวันคืน
ขอขอบคุณ แรงใจ ไม่เคยสร่าง
ที่แนบวาง ข้างใจ มิได้ฝืน
ยามที่ต้องระกำ ทนกล้ำกลืน
น้ำใจยื่น จากเธอ เสมอมา...
“สุนันยา”
คิดถึงรัก ก่อนเคย เกยแนบหนุน
ตอนนี้ห่างร้างไกล ไม่การุญ
สิ้นละมุน อุ่นไอ ไร้อาวรณ์
ยากต่อต้าน หวั่นไหว ในดวงจิต
ดังลิขิต ปิดไว้ ให้หลอกหลอน
อัสนี ฟาดมา พาร้าวรอน
ภาพสะท้อน ย้อนเงา เข้าก่อกวน
ให้ทบทวน อดีต ที่กรีดย้ำ
เป็นรอยกรรม นำจิต คิดไห้หวน
จึงหมองหม่น ปนเหงา เฝ้าแต่ครวญ
ร้าวรัญจวน ป่วนปั่น ทุกวันคืน
ขอขอบคุณ แรงใจ ไม่เคยสร่าง
ที่แนบวาง ข้างใจ มิได้ฝืน
ยามที่ต้องระกำ ทนกล้ำกลืน
น้ำใจยื่น จากเธอ เสมอมา...
“สุนันยา”