ปรากฏร่างบางเบาคล้ายเงาจาง
ริมหน้าต่างเปิดแง้มแย้มเพียงหน่อย
สัมผัสกลิ่นรินอ่อนโชยร่อนรอย
แล้วก็คล้อยจากไปเพียงไม่นาน
ชะโงกหน้ามองตามในยามนี้
รู้สึกได้ในนาทีที่วาดหวาน
เธอมาเยือนเหมือนเก่าเราเบิกบาน
เตรียมสราญขานขับกับเนื้อนวล
เธอคือผู้มั่นคงตรงสถาน
ตรงตามกาลนานไฉนตั้งใจหวน
ไม่ลาแล้วลาเลยใจเชยชวน
ไม่ปล่อยใครให้ป่วนต้องครวญคราง
ผิดกับหนึ่งสตรีที่ฉันรัก
เราสิภักดิ์ฝักใฝ่ไม่ไกลห่าง
แต่เธอไปจากฉันสัมพันธ์จาง
เธอแรมร้างอ้างลืม..ไม่ปลื้มเรา
ใจของนางเย็นชืดจืดกว่าจืด
ความฝันฝืดอืดอมอารมณ์เขา
ไม่เคยหวนล้วนลับไปกับเงา
ทิ้งคราบเศร้าเคล้าน้ำตาต่างหน้านวล
แต่ว่าเธอคนนี้...ไม่หนีฉัน
ครบคืนวันผันรับกลับคืนหวน
เธอ “เหมันต์” วันนี้ ที่ชื่นชวน
พาไออวลมวลหวาน..มาหว่านพรม.
ริมหน้าต่างเปิดแง้มแย้มเพียงหน่อย
สัมผัสกลิ่นรินอ่อนโชยร่อนรอย
แล้วก็คล้อยจากไปเพียงไม่นาน
ชะโงกหน้ามองตามในยามนี้
รู้สึกได้ในนาทีที่วาดหวาน
เธอมาเยือนเหมือนเก่าเราเบิกบาน
เตรียมสราญขานขับกับเนื้อนวล
เธอคือผู้มั่นคงตรงสถาน
ตรงตามกาลนานไฉนตั้งใจหวน
ไม่ลาแล้วลาเลยใจเชยชวน
ไม่ปล่อยใครให้ป่วนต้องครวญคราง
ผิดกับหนึ่งสตรีที่ฉันรัก
เราสิภักดิ์ฝักใฝ่ไม่ไกลห่าง
แต่เธอไปจากฉันสัมพันธ์จาง
เธอแรมร้างอ้างลืม..ไม่ปลื้มเรา
ใจของนางเย็นชืดจืดกว่าจืด
ความฝันฝืดอืดอมอารมณ์เขา
ไม่เคยหวนล้วนลับไปกับเงา
ทิ้งคราบเศร้าเคล้าน้ำตาต่างหน้านวล
แต่ว่าเธอคนนี้...ไม่หนีฉัน
ครบคืนวันผันรับกลับคืนหวน
เธอ “เหมันต์” วันนี้ ที่ชื่นชวน
พาไออวลมวลหวาน..มาหว่านพรม.
"บ้านริมโขง"
๑๗ กันยายน ๒๕๕๕
ใครหนอใคร ช่างทำได้ ให้โขงหลง
แม่โฉมยง คงสวยงาม อร่ามสม
ปรากฏร่าง พร่างพราย เหมือนสายลม
ให้ชื่นชม เชยร่าง แล้วรางเลือน
กลิ่นเจ้าหล่อน โชยมา หน้าไล้ลูบ
อยากจะจูบ เธอสักครา มาคล้อยเคลื่อน
ช่างทำตัว ซ่อนเร้น เป็นดวงเดือน
มาลอยเลื่อน หลบไป ในเมฆา
สงสารโขง ของเรา เขาหลอกหลอน
ให้นั่งนอน เพ้อถึง คะนึงหา
อีกเมื่อไหล่ ละเน้อ เธอจะมา
ให้เห็นหน้า อีกหน หนอคนลวง
ชลนา ทิชาก
แม่โฉมยง คงสวยงาม อร่ามสม
ปรากฏร่าง พร่างพราย เหมือนสายลม
ให้ชื่นชม เชยร่าง แล้วรางเลือน
กลิ่นเจ้าหล่อน โชยมา หน้าไล้ลูบ
อยากจะจูบ เธอสักครา มาคล้อยเคลื่อน
ช่างทำตัว ซ่อนเร้น เป็นดวงเดือน
มาลอยเลื่อน หลบไป ในเมฆา
สงสารโขง ของเรา เขาหลอกหลอน
ให้นั่งนอน เพ้อถึง คะนึงหา
อีกเมื่อไหล่ ละเน้อ เธอจะมา
ให้เห็นหน้า อีกหน หนอคนลวง
ชลนา ทิชาก