ทางชีวิตหักเหต้องเร่ร่อน
อู่เคยนอนร้อนรุ่มต้องคลุมหน้า
น้ำเนตรตกอกช้ำต้องจำลา
ดั่งถลาจากรังใจพังภินท์
สู้ชีวิตคิดหนักเพราะรักขม
แม้ตรอมตรมเพียงใดยังไม่สิ้น
ปลอบใจตนทนฝันขยันบิน
จนชาชินความเศร้าแห่งเงากรรม
ปลอบกมลคนไกลเอาใจช่วย
ที่เคยป่วยให้หายอย่ากรายกล้ำ
จงหมดทุกข์หมดโศกมีโชคนำ
ฝากถ้อยคำพร่ำวอนดั่งพรพรม
“ไพร พนาวัลย์”
กราบขอบคุณ ละมุนถ้อย คอยปลอบขวัญ
จากคืนวัน รานร้าว เฝ้าทับถม
ชีวิตดั่ง ละคร ที่ซ่อนปม
ต้องตรอมตรม ดั่งเห็น ล้วนเป็นกรรม
เพราะลุงไพร รู้หมด บทชีวิต
พรหมลิขิต ขีตเน้น เป็นเรื่องขำ
จึงเบือนบิด ปิดขวาง ทางกระทำ
อยู่บนรอย ระกำ สุดช้ำทรวง
กลอนที่เขียน ตกผลึก ฝังลึกอยู่
ทนอดสู ชินช้า เพื่อท้าสรวง
อยากสนาน หวานชื่น รื่นทั้งปวง
แต่ว่าดวง อาภัพ....จึงอับจน...
“สุนันยา”
จากคืนวัน รานร้าว เฝ้าทับถม
ชีวิตดั่ง ละคร ที่ซ่อนปม
ต้องตรอมตรม ดั่งเห็น ล้วนเป็นกรรม
เพราะลุงไพร รู้หมด บทชีวิต
พรหมลิขิต ขีตเน้น เป็นเรื่องขำ
จึงเบือนบิด ปิดขวาง ทางกระทำ
อยู่บนรอย ระกำ สุดช้ำทรวง
กลอนที่เขียน ตกผลึก ฝังลึกอยู่
ทนอดสู ชินช้า เพื่อท้าสรวง
อยากสนาน หวานชื่น รื่นทั้งปวง
แต่ว่าดวง อาภัพ....จึงอับจน...
“สุนันยา”