รุ่งทิวา ครานี้ มีมวลเมฆ
ลมโยกเยก พัดเยือน เตือนฟ้าฝน
ใบไม้พลิ้ว ปลิวเยื้อง จากเบื้องบน
ลอยล่องวน กว่าพบ กระทบดิน
หนึ่งชีวิต ลอยเลือน เหมือนเดือนดับ
ดั่งอาภัพ ไร้ร้าง หนทางสิ้น
ต้องเคว้งคว้าง ว่างเปล่า เหงาชีวิน
จำโบยบิน ดิ้นฝ่า แม้พร่าพราง
ขาดแรงใจ หนุนเกื้อ เชื้อมอดเถ้า
แปลบปวดร้าว หนาวเหน็บ เจ็บมิสร่าง
อยากจะเบือน เลือนลบ จบทุกทาง
วางทุกอย่าง ธรณีกลบ จบชีวา
ลมโยกเยก พัดเยือน เตือนฟ้าฝน
ใบไม้พลิ้ว ปลิวเยื้อง จากเบื้องบน
ลอยล่องวน กว่าพบ กระทบดิน
หนึ่งชีวิต ลอยเลือน เหมือนเดือนดับ
ดั่งอาภัพ ไร้ร้าง หนทางสิ้น
ต้องเคว้งคว้าง ว่างเปล่า เหงาชีวิน
จำโบยบิน ดิ้นฝ่า แม้พร่าพราง
ขาดแรงใจ หนุนเกื้อ เชื้อมอดเถ้า
แปลบปวดร้าว หนาวเหน็บ เจ็บมิสร่าง
อยากจะเบือน เลือนลบ จบทุกทาง
วางทุกอย่าง ธรณีกลบ จบชีวา
"ดิน"
จะล่องลอยคอยนางกลางชัยศรี
ในคืนที่มีแขเฝ้าแลหา
พร้อมดาวรายพรายพร่างกระจ่างตา
ประดับฟ้าราตรีให้ชี้ชม
จะหยิบดาวพราวเพริศบรรเจิดแจ่ม
เสียบสอดแซมแนมสนิทชิดมวยผม
เคียงมาลาผกาหอมให้ดอมดม
ซ่านสุขสมภิรมย์รื่นชื่นกลางจันทร์
จะกล่อมนอนอ้อนน้องประคองข้าง
อยู่เคียงนางสร้างจิตลิขิตฝัน
มีเพียงเราเฝ้าจำเรียงคู่เคียงกัน
ได้เที่ยวท่องล่องสวรรค์ชั้นดาวดึงส์...
" บูรพ์ "