เคยเคียงข้างย่างเยื้องแม้เบื้องไหน
ตามติดไปไม่ห่างทางวิถี
ชี้ชมชวนครวญคร่ำพร่ำวจี
ถ่ายวลีชี้คำจำนรรจา
สารพันบันดลปรนนิบัติ
ไม่เคืองขัดจัดความตามปรารถนา
แต่ไฉนไม่ถวิลถึงวิญญาณ์
ประทับตราอารมณ์ชื่นสมปอง
อนิจจาอาลัยฤทัยถอน
จะขาดรอนตอนจากพรากเป็นสอง
ยามสิ้นไร้ใครเรียงเฝ้าเคียงครอง
โศกจับจองหมองเศร้าจึงเข้าใจ
โอ้นี่หรือคืออาดูรความสูญสิ้น
ร้องจากจินต์ถวิลคิดวินิจฉัย
ความรู้สึกรำลึกหาห่วงอาลัย
ส่งผ่านไปให้คืนมาชื่นชม...
" บูรพ์ "
หรือเมื่อผ่าน กาลไป ใจเปลี่ยนหมุน
กลายเป็นขุ่น น้ำใจ ให้ขื่นขม
เคยชมเชื้อ เมื่อรัก ภักดิ์ภิรมย์
กลายเป็นปม หน่ายแหนง ทิ่มแทงมา
ความรู้สึก ว่าดี ที่ตระหนัก
ค่าความรัก หล่นไป ไม่รักษา
สิ่งที่เหลือ เมื่อช้ำ คือน้ำตา
หลั่งล้นมา ไหลนอง ท่วมห้วงใจ
โอ้อกเอย เผยไป ใครลิขิต
หลงทางผิด จิตช้ำ ทำไฉน
สิ้นสุขสม พรหมพราก จากหรือไร
ให้ต้องเศร้า ทรวงใน เพราะใจเรา
คิดว่าเขา นั้นดี มีใจเอื้อ
จึงคิดเชื่อ ไม่เผื่อใจ ในความเขลา
กลายเป็นเจ็บ เก็บซ่อน นอนแนบเนา
มาเป็นเงา ทาบทอ ต่อกมล...
“สุนันยา”
กลายเป็นขุ่น น้ำใจ ให้ขื่นขม
เคยชมเชื้อ เมื่อรัก ภักดิ์ภิรมย์
กลายเป็นปม หน่ายแหนง ทิ่มแทงมา
ความรู้สึก ว่าดี ที่ตระหนัก
ค่าความรัก หล่นไป ไม่รักษา
สิ่งที่เหลือ เมื่อช้ำ คือน้ำตา
หลั่งล้นมา ไหลนอง ท่วมห้วงใจ
โอ้อกเอย เผยไป ใครลิขิต
หลงทางผิด จิตช้ำ ทำไฉน
สิ้นสุขสม พรหมพราก จากหรือไร
ให้ต้องเศร้า ทรวงใน เพราะใจเรา
คิดว่าเขา นั้นดี มีใจเอื้อ
จึงคิดเชื่อ ไม่เผื่อใจ ในความเขลา
กลายเป็นเจ็บ เก็บซ่อน นอนแนบเนา
มาเป็นเงา ทาบทอ ต่อกมล...
“สุนันยา”