“เมื่อ...ตะวันลับฟ้า”
*****
สุรีย์ใกล้ ลับลง ตรงภูเขา
วิหคเคล้าคู่บิน คืนถิ่นฐาน
ไผ่เสียดก่อ พลิ้วไหว อยู่ใกล้ธาร
เย็นลมผ่าน รวยรื่น ฉ่ำชื่นจินต์
*****
เสียงหรีดหริ่ง เรไร ทักทายทั่ว
ยามฟ้าหลัว ตะวันคล้อย คอยถวิล
บทบรรเลงกล่อมสรวง ห้วงเมฆินทร์
เคล้าเสียงริน หลั่งไหล สายธารา
*****
เมื่อแสงสูรย์ ลับลา จากฟ้ากว้าง
ดาวระยิบ พราวพร่าง กลางเวหา
ดาระดาษ สาดส่อง ท้องนภา
แทนแสงจันทร์ ที่ลา คราข้างแรม
*****
ได้แต่คิด ครวญคำ ลำนำเศร้า
ความเงียบเหงา ระทม ทับถมแต้ม
ถึงคู่เย้า เคยหยอก บอกรักแซม
ประคองแก้ม เชยชิด จูมพิตปราง
*****
สัญญาใจ ฝากฝัน จะมั่นรัก
ไม่เหหัก ห่างหาย ให้หม่นหมาง
แต่..บัดนี้ ไฉน ไกลเลือนราง
ลืมรักที่ เคยสร้าง เส้นทางใจ
*****
โอ้..รักเอย เปลี่ยนผัน ไม่หันกลับ
ตะวันลับ ยังกลับคืน ชื่นฟ้าใส
คนเคยรัก ปักทรวง ห้วงหทัย
กลับไม่เหลือ เยื่อใย มอบให้กัน....
*****
“สุนันยา”
ตะวันเคลื่อนเดือนคล้อยดับรอยหาย
แต่รักชายสายสวาทพิลาสฝัน
ใช่ผ่อนแสงแฝงเร้นเช่นตะวัน
หมดทิวาลาพลันรีบสัญจร
แสงอันใดไม่กระจ่างเหมือนอย่างรัก
ควรประจักษ์ตระหนักในฤทัยสมร
รักไม่สิ้นถวิลหวังพึงสังวร
ยังอาทรวอนน้องอย่าหมองใจ
อาทิตย์จันทร์นั้นจำทำหน้าที่
สิ้นทิวาราตรีลี้ไฉน
ฤทัยพี่นี้ชิดสนิทใน
คงไสวใสสว่างไม่ห่างเลือน...
" บูรพ์ "