ประหนึ่งก้มล้มคว่ำคะมำหงาย
เกิดกลับกลายย้ายเล่ห์เคลื่อนเฉไฉ
หลายอย่างกลับสับสนพิกลไป
จากหน้าไยให้เห็นเป็นหลังพลัน
ชั่วกลายดีชี้ดำพร่ำว่าขาว
เรื่องชั่วฉาวข่าวอ้างว่าสร้างสรรค์
เลวสามานย์ขานอยู่ชนรู้กัน
ตอบรางวัลปันให้จนได้ดี
ยุคกระเบื้องเฟื่องลอยหงอยน้ำเต้า
ดีจับเจ่าเฝ้าตรอกยอกบัดสี
เหล่าผีเมืองเคืองช้ำโดนย่ำยี
ไพรภูติผีขยี้ผลาญรานระทม
รอแสงทองส่องสว่างสะสางโศก
ล้างวิโยคโบกสะบัดขจัดขม
คืนความชอบมอบความชื่นสุขรื่นรมย์
ได้เคียงสมชมนิยามซึ่งความจริง...
" บูรพ์ "
ว่าขาว-ดำขึ้นอยู่ดูสิ่งไหน
อยู่ที่ใจหลายหลากและยากยิ่ง
อคติ.ทิฐิบิดเบือนจริง
เพียงเห็นสิ่งอยากเห็นเช่นนั้นพอ
ขาวเป็นดำดำกลับขาวกี่คราวครั้ง
ประวัติศาสตร์พลาดพลั้งครั้งเติมต่อ
ผู้ชนะจารจดอย่างคดงอ
แล้วสรรเสริญเยินยอต่อความลวง
เส้นแบ่งกั้นขาวดำว่าล้ำไหม
อาจไม่ใช่คมมีดขีดเป็นช่วง
แบ่งเด่นชัดว่าจริงหรือสิ่งลวง
มิอาจจัดวัดตวงว่าลวงจริง
เพียงจิตใจมองใดไร้คติ
ใช้สติตริตรองครรลองสิ่ง-
ที่มองเห็นจะเป็นลวงหรือจริง
อาจบางทีมิใช่สิ่งจะนำพา
ก้าวแรกฯ...
อยู่ที่ใจหลายหลากและยากยิ่ง
อคติ.ทิฐิบิดเบือนจริง
เพียงเห็นสิ่งอยากเห็นเช่นนั้นพอ
ขาวเป็นดำดำกลับขาวกี่คราวครั้ง
ประวัติศาสตร์พลาดพลั้งครั้งเติมต่อ
ผู้ชนะจารจดอย่างคดงอ
แล้วสรรเสริญเยินยอต่อความลวง
เส้นแบ่งกั้นขาวดำว่าล้ำไหม
อาจไม่ใช่คมมีดขีดเป็นช่วง
แบ่งเด่นชัดว่าจริงหรือสิ่งลวง
มิอาจจัดวัดตวงว่าลวงจริง
เพียงจิตใจมองใดไร้คติ
ใช้สติตริตรองครรลองสิ่ง-
ที่มองเห็นจะเป็นลวงหรือจริง
อาจบางทีมิใช่สิ่งจะนำพา
ก้าวแรกฯ...