เสียงสาวอ้อนวอนครวญหวนละห้อย
แว่วหลุดลอยห้วงหาวแซมดาวไสว
มองเบื้องบนน้ำฟ้าหล่นคราใด
ดุจน้ำตาร้องไห้ใจอาวรณ์
ความรักเอยเผยไปไยร้ายพิษ
เข้าเจาะจิตติดกายเกินถ่ายถอน
รุมรุมกายคล้ายไข้ในบังอร
ร่ำยามจรยามจากมากอาลัย
จะกินนอนร้อนร่างนางผวา
น้ำจากตารินหลั่งดั่งน้ำไหล
สะอื้นอกระทกช้ำระกำใน
เพราะหนึ่งใครไม่หวนมาทวนทาง
ก็รู้ถึงอาการหวานผวา
อนิจจาอกอุ่นเคยหนุนต่าง
จึงบัดนี้เหมือนจบลบรอยจาง
รักอำพรางอย่างนี้..ที่ระทม
เห็นใจเจ้า เหงาหงอยนั่งคอยคู่
เห็นใจเจ้า เฝ้าดูคู่เหมาะสม
เห็นใจเจ้า มีไหม..ใครชื่นชม
เห็นใจเจ้า ต้องซานซม..ขมน้ำตา
เพียงน้ำใจไหลสู่อยู่เป็นเพื่อน
เพียงย้ำเตือนให้ตรองลองเสาะหา
เพียงชีวิตบางช่วงทวงเวลา
เพียงมองฟ้ายามนี้..มีเมฆคลุม..
แว่วหลุดลอยห้วงหาวแซมดาวไสว
มองเบื้องบนน้ำฟ้าหล่นคราใด
ดุจน้ำตาร้องไห้ใจอาวรณ์
ความรักเอยเผยไปไยร้ายพิษ
เข้าเจาะจิตติดกายเกินถ่ายถอน
รุมรุมกายคล้ายไข้ในบังอร
ร่ำยามจรยามจากมากอาลัย
จะกินนอนร้อนร่างนางผวา
น้ำจากตารินหลั่งดั่งน้ำไหล
สะอื้นอกระทกช้ำระกำใน
เพราะหนึ่งใครไม่หวนมาทวนทาง
ก็รู้ถึงอาการหวานผวา
อนิจจาอกอุ่นเคยหนุนต่าง
จึงบัดนี้เหมือนจบลบรอยจาง
รักอำพรางอย่างนี้..ที่ระทม
เห็นใจเจ้า เหงาหงอยนั่งคอยคู่
เห็นใจเจ้า เฝ้าดูคู่เหมาะสม
เห็นใจเจ้า มีไหม..ใครชื่นชม
เห็นใจเจ้า ต้องซานซม..ขมน้ำตา
เพียงน้ำใจไหลสู่อยู่เป็นเพื่อน
เพียงย้ำเตือนให้ตรองลองเสาะหา
เพียงชีวิตบางช่วงทวงเวลา
เพียงมองฟ้ายามนี้..มีเมฆคลุม..
"บ้านริมโขง"
๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๕