~คดโกงทรัพย์สินของผู้อื่น..คือการสะสมกรรมชั่ว แบบไม่รู้จบ~
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
23 พฤศจิกายน 2024, 03:20:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ~คดโกงทรัพย์สินของผู้อื่น..คือการสะสมกรรมชั่ว แบบไม่รู้จบ~  (อ่าน 51688 ครั้ง)
ระนาดเอก
webmaster
*

คะแนนกลอนของผู้นี้ 780
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,732


~พลิ้วไหว..ดั่งสายน้ำ~


เว็บไซต์
« เมื่อ: 25 สิงหาคม 2012, 11:03:PM »

~คดโกงทรัพย์สินของผู้อื่น..คือการสะสมกรรมชั่ว แบบไม่รู้จบ~
 
โทษของการเป็นขโมย

๑)    ทุกข์ทางใจจิต ที่เป็นปกติสุขไม่อาจคิดลงมือขโมย การจะถือเอาทรัพย์สินของใครมาเป็นของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องใช้จิตที่เป็น ทุกข์เท่านั้น
เพราะส่วนลึกรู้อยู่ว่าเป็นเรื่องผิด เป็นเรื่องน่าเศร้าใจ แม้แต่เศษเงินสักบาทก็เป็นประโยชน์กับเจ้าของได้ การฉกฉวยประโยชน์ของผู้อื่นมาเป็นของตนจึงนับเป็นเรื่องน่าอาย
แสดงถึงความไร้ศักดิ์ศรี ต้องมีชีวิตอยู่ด้วยวิธีแอบขอคนอื่นกินโดยไม่ให้เขารู้ตัว   ของที่หาย ไปย่อมเป็นทุกข์แห่งเจ้าของ ถ้าเราเป็นผู้ทำให้ของของเขาหาย
ใจเราจะเป็นสุขไปได้อย่างไร การสังเกตเข้ามาในตนเองจะทำให้เห็นทุกข์เป็นขณะ ๆ อย่างชัดเจน

ทุกข์ เริ่มต้นตั้งแต่เมื่ออยากขโมย สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นเป็นความตื่นเต้นแบบมีพิรุธ เหมือนตัวเราที่หน้าไม่อายพยายามโผล่ขึ้นมาเอาชนะตัวเราที่ยังรักศักดิ์ศรี อยู่

ทุกข์จะทวีตัวขึ้นเมื่อตัดสินใจคิดขโมยจริง สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นเป็นความทึบตัน ไม่อาจปลอดโปร่งสบายใจไปได้

ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังจะปล้นน้ำพักน้ำแรงที่มีศักดิ์ศรีของผู้อื่น ด้วยน้ำพักน้ำแรงที่ไร้ศักดิ์ศรีของตน
ทุกข์จะทวีตัวขึ้นอีกเมื่อมี การพยายามขโมย สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นเป็นการฝืนใจ เค้นเอาความโลภขึ้นมาพยายามเอาชนะความกลัวถูกจับได้
ต่อให้เป็นมืออาชีพมากี่สิบปีก็ต้องกำเกร็งด้วยความระแวงระวัง ตัวลีบเล็กลงทุกคราวไป

ทุกข์จะทวีตัวขึ้นถึงขีดสุดเมื่อลงมือขโมย สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นความรู้สึกฝืดฝืน ราวกับถูกต่อต้านจากตัววัตถุ ซึ่งกระแสต่อต้านนั้นก็คือสิทธิ์แห่งเจ้าของที่แฝงอยู่ในตัววัตถุนั่นเอง

ทุกข์ จะไม่จบโดยง่ายแม้เมื่อขโมยสำเร็จ สังเกตเข้ามาในตนเอง จะเห็นเป็นความรู้อยู่แก่ใจว่าข้าวของที่ได้มาไม่ใช่ของของเรา
ต่อให้พยายามใช้ของอย่างเป็นสุขเพียงใด ก็ขาดความภาคภูมิใจที่สุจริตชนทั้งโลกเขามีกัน

ถ้าทรัพย์ที่ขโมยมามี ค่าน้อย ก็อาจไม่ต้องอาศัยกำลังใจในการขโมยมากนัก ทุกข์ในขณะต่าง ๆ จึงอาจปรากฏเป็นของเล็กเกินกว่าจะจับสังเกตได้

หรือในอีกทางหนึ่ง แม้จะเป็นทรัพย์มีค่าควรแก่ความไม่สบายใจ แต่ทว่าความมีค่าของทรัพย์นั้นเองก็อาจท่วมทับความไม่สบายใจได้มิดชิด
เพราะมัวเพ่งคิดอยู่แต่ว่าเราได้ทรัพย์มามาก เราจะนำทรัพย์ไปใช้ให้หนำใจ

ความ ไม่รู้จักเห็นใจผู้อื่นที่ต้องสูญเสียทรัพย์สิน กับความโสมนัสที่ได้ของสมประสงค์ จึงเปรียบเหมือนม่านอำพรางทุกข์ทางใจของเราได้
แต่ขอเพียงเราใส่ใจสังเกต ก็จะพบว่าทุกข์ทางใจอันเกิดจากการขโมย ยังคงเป็นความจริงอยู่เสมอ

๒) การสั่งสมบาป

เมื่อ ทราบแล้วว่าความมืดเป็นเครื่องหมายของบาป เราก็สามารถสำรวจใจตนเองแล้วทราบได้ว่าการขโมยเป็นบาป เพราะไม่มีการขโมยครั้งใดที่ทำให้จิตของเราสว่างขึ้น
มีแต่จะหม่นหมองลง กับทั้งไม่มีแก่ใจคิดอะไรในทางดี ในทางที่เจริญเอาเลย   แรงผลักดันให้ ปล้นทรัพย์ของผู้อื่นได้คือโลภะ โลภะต้องชนะศักดิ์ศรีของมนุษย์ที่มีสองขาไว้ยืนด้วยตนเอง
จึงขับให้เราก่อบาปด้วยการขโมยได้ และโดยเหตุนี้เอง ทุกครั้งที่เราขโมยได้แบบไม่ต้องคิดมาก จิตของเราจึงอ่อนแอลง คิดพึ่งพาตนเองน้อยลง กับทั้งรู้สึกว่าเกียรติภูมิของความเป็นคนน้อยลงทุกที
ที่น่ากลัวก็คือบาปสามารถสั่งสมตัวได้ นั่นหมายความว่ายิ่งขโมยสำเร็จมากขึ้นเท่าไร ใจก็ยิ่งปวกเปียกมากขึ้นเท่านั้น มองไปทางไหนอะไรต่ออะไรน่าคว้ามาครองเกินห้ามใจแทบทั้งสิ้น
ขอให้ต้องตานิดเดียว ใจเราจะนึกวางแผนหาทางลักมาครองโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของใครทั้งสิ้น

แม้ขโมยเงินสักบาท มือของเราก็ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องชิงทรัพย์แล้ว และใจของเราก็นับว่าเปื้อนบาปแห่งการขโมยแล้ว
ฉะนั้น ยิ่งขโมยเศษสตางค์บ่อย เราก็ยิ่งโลภมาก อยากได้นั่นอยากได้นี่ จนกระทั่งทรัพย์ของผู้อื่นกลายเป็นเครื่องหมายเตือนให้นึกถึงการแย่งชิงมา ท่าเดียว

ความคิดในทางขโมยจะลดความฉลาดในการหากินเยี่ยงสุจริตชนลง เราจะไม่รู้สึกผิด และย้ำบอกตัวเองว่าก็โลกอยุติธรรมเอง ไม่ให้โอกาสเราเท่าคนอื่นเอง
หรือต่อให้มีโอกาสมากกว่าคนอื่น บาปก็ทำให้เราไพล่เห็นไปว่างานสุจริตดูไม่ค่อยท้าทาย ต้องเป็นงานทุจริตที่ใช้เล่ห์กลถึงค่อยน่าสนุก
กระทั่งบาปพอกพูนขึ้นจนหนา รู้สึกด้านชากับการขโมยทรัพย์ราคาต่ำ ถึงจุดนั้น เราจะพร้อมขโมยทรัพย์ราคาสูงขึ้น ด้วยความรู้สึกว่าเป็นการยุติธรรมกับตนแล้วในทางใดทางหนึ่งเข้าไปอีก

ฉะนั้น เพียงไม่ตั้งใจไว้ก่อนว่าจะเว้นขาดจากการขโมย ก็นับว่ามีโทษแล้ว เพราะเมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดโลภะอย่างแรงกล้า ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ย่อมลดระดับแทบไม่เหลือ
ยังผลให้สติพร่าเลือนลง เปิดช่องให้โลภะเข้าครอบงำจนโง่เขลา หลงนึกว่าบาปแห่งการขโมยเป็นสิ่งสมควรทำยิ่งกว่าบุญแห่งการระงับความโลภผิด ๆ
ไม่รู้สึกอยากอดใจรอ ไม่รู้สึกอยากทำงานหาเงินมาซื้อสิ่งที่ต้องการด้วยตนเอง

(มีต่อ)
 
 อายแบบน่ารัก

ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

ชลนา ทิชากร, Prapacarn ❀, ลมหนาว, รพีกาญจน์, บูรพาท่าพระจันทร์

ข้อความนี้ มี 7 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า


Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s