๐ ซุ้มกุหลาบของพี่มิมีให้
ซุ้มกระบี่ก็ไร้ไกลห่างเหิน
ซุ้มงานแต่งเล่านางก็ห่างเกิน
ซุ้มเดียวที่เรียนเชิญ..คือน้ำตา
๐ สายฝนพร่ำร่ำไห้เคล้าไอฝน
มองหมอกหม่นมานหมางหว่างทิวผา
มีเพียงเสียงฝนพรมลมพัดพา
ให้หนาวหน่วงอุราเจียนบ้าบอ
๐ น้ำตาตกตามฝนหล่นรินร่ำ
ซากกุหลาบกลีบดำเปียกช้ำหนอ
แอบทับไว้แต่วันเคยปั่นทอ
สายใยรักร่วมก่อ..แต่ปีกลาย
๐ เป็นกุหลาบดอกเดียวที่เหนี่ยวรั้ง
เป็นพลังแห่งนิยามและความหมาย
เป็นดั่งใจ แทนใจจากใจชาย
ที่มิเคยเสื่อมคลายสลายลง
๐ มาบัดนี้กุหลาบ..เข็ดหลาบช้ำ
ตกระกำกลีบแห้งไร้แรงส่ง
สิ้นนิยามความเอ๋ยเคยดำรง
เปื่อยเป็นผงผิดแผกแตกลงดิน
๐ ครั้นจะเก็บกลีบไว้อาลัยรัก
ก็น้อยเกินจะกักตักตวงสิ้น
จำต้องปล่อยตามฝนหล่นหลั่งริน
พร้อมเศษจินต์ ผ่านพุ่ม..ซุ้มน้ำตา..
ซุ้มกุหลาบ ถึงพี่ ไม่มีให้
แต่ซุ้มใจ อิงแอบ แบบไร้ค่า
ซุ้มเรือนหอ ท้อทด หมดราคา
แต่งแต้มมา หวามไหว ใจนึกกลัว
ซุ้มกระบี่ นี้น้อง ไม่ปองหมาย
ซุ้มพระพาย โชยพัด หวาดหวั่นตทั่ว
ซุ้มฤทัย ใหญ่ยิ่ง หญิงไม่ชัวร์
ต้องซุ่มตัว อยู่เดี่ยว ขาดเหลียวมอง
แม้สายฝน โปรยปราย คล้ายกลั่นแกล้ง
กุหลาบแดง กลายช้ำ กลีบดำหมอง
ท้าลมฝน เปลวแดด แผดเผาปอง
น้ำฝนนอง กุหลาบเน่า เศร้าสิ้นดี
เพียงกุหลาบ ดอกเก่า เล่าความหลัง
ถึงคราวครั้ง สองเรา เฝ้าจู๋จี๋
ส่งกุหลาบ ฉาบรัก ปักทันที
กลางฤดี แสนซึ้ง ตรึงกมล
มาปัดนี้ ขอถามทวง ห่วงกุหลาบ
ด้วยอยากทราบ รักจริง หญิงจึงบ่น
พี่บอกเก็บ อย่างดี มิปะปน
เสียบทับบน หนังสือ ที่ถือครอง
แต่ไยไม่ นำมา ในครานี้
หรือขยี้ เป็นผง ทิ้งลงหนอง
เหมือนขยี้ ใจฉัน ไม่หันมอง
อกกลัดหนอง ครองทุกข์ ขลุกทรวงใน