หนังสืออ่านยังมีวันอ่านจบ
แต่คนที่เราคบหาจบไม่
คำพังเพย "รู้หน้ามิรู้ใจ"
สามารถนำมาใช้ในชีวิต
ณ วันนี้ดีงามความเป็นเพื่อน
ใช่จะไม่ลางเลือนเพื่อนสนิท
อาจเป็นคนทั่วไปมิใช่มิตร
ย่อมมีสิทธิ์เป็นได้ใครจะรู้
ทัศนะความคิดที่ผิดแผก
เกิดรอยแยกแตกกลางบาดหมางสู่
"อคติ"นำหน้าพาตัว"กู"
"โทสะ"อยู่เคียงข้างอย่างลงตัว
เผื่อเอาไว้ใจเขาใจเราบ้าง
มืดสว่างกลางไว้ได้สลัว
ต่างคนก็ต่างกันสิ่งพันพัว
ไปตัดสินดีชั่วจากตัวเอง
อันหัวใจคนเราเท่ากำปั้น
แต่มหันต์รู้สึกนึกคิดเก่ง
บางครั้งเงียบเรียบง่ายคล้ายวังเวง
บางครั้งเร่งรุกโรมโหมดั่งไฟ
"คน" นั้นอ่านมิจบมิสุดสิ้น
ทั้งชีวินอ่านกันทุกวันได้
จะสิ้นสุดหยุดอ่านผ่านเลยไป
ก็เมื่อไหม้ไฟเผาเถ้าธุลี
"กานต์ฑิตา"
๑๓ สิงหาคม ๒๕๕๕
ถ้ามัวคิดเรื่อง “คน”กังวลจิต
มีทั้งมิตรศัตรูยิ่งจู้จี้
ต้อง “ชั่งเขา ชั่งมัน” สักวันซี
ฝูงชนมีหลากหลายมากสายพันธ์
ดูออกไปข้างนอกล้วนกลอกกลิ้ง
เหมือนฝูงลิงเล่นละครบัญชรกั้น
สวมหน้ากากหลากหน้าไม่ว่ากัน
แต่ละวันเวียนวนจึงหม่นใจ
กลับมาดูข้างในคงไม่ยาก
มีไม่มาก,สุข,ทุกข์,ที่รุกไล่
ล้วนกิเลส,ตัณหา,มันพาไป
มิว่าใครก็เป็นเช่นนั้นเอง
มีเกิด,แก่,เจ็บ,ตาย,ไม่วายเว้น
จึ่งมองเห็น,เอาใจเข้าไปเพ่ง
รีบเอาตัวให้รอดตลอดเพรง
จงกลัวเกรงบาปกรรมจะซ้ำเติม
เรื่องของใครช่างเขาดู “เรา”ก่อน
มันอาจซ่อน,ซึมซับ,ขยับเพิ่ม
เอาศีล,ทาน,ภาวนา,เข้ามาเจิม
จงประเดิมทำดีแต่นี้ไป
เพราะชีวิตคนเรามันสั้นนัก
มัวขุ่นควักเรื่อง “คน”พิกลไหม?
ทำวันนี้ดีแล้วจะเป็นไร
ถึงวันใหม่คงจะดีกว่านี้เอย
“ไพร พนาวัลย์”
มีทั้งมิตรศัตรูยิ่งจู้จี้
ต้อง “ชั่งเขา ชั่งมัน” สักวันซี
ฝูงชนมีหลากหลายมากสายพันธ์
ดูออกไปข้างนอกล้วนกลอกกลิ้ง
เหมือนฝูงลิงเล่นละครบัญชรกั้น
สวมหน้ากากหลากหน้าไม่ว่ากัน
แต่ละวันเวียนวนจึงหม่นใจ
กลับมาดูข้างในคงไม่ยาก
มีไม่มาก,สุข,ทุกข์,ที่รุกไล่
ล้วนกิเลส,ตัณหา,มันพาไป
มิว่าใครก็เป็นเช่นนั้นเอง
มีเกิด,แก่,เจ็บ,ตาย,ไม่วายเว้น
จึ่งมองเห็น,เอาใจเข้าไปเพ่ง
รีบเอาตัวให้รอดตลอดเพรง
จงกลัวเกรงบาปกรรมจะซ้ำเติม
เรื่องของใครช่างเขาดู “เรา”ก่อน
มันอาจซ่อน,ซึมซับ,ขยับเพิ่ม
เอาศีล,ทาน,ภาวนา,เข้ามาเจิม
จงประเดิมทำดีแต่นี้ไป
เพราะชีวิตคนเรามันสั้นนัก
มัวขุ่นควักเรื่อง “คน”พิกลไหม?
ทำวันนี้ดีแล้วจะเป็นไร
ถึงวันใหม่คงจะดีกว่านี้เอย
“ไพร พนาวัลย์”