สิ้นแสงเดือน เลือนลาง สว่างแล้ว
นกเจื้อยแจ้ว ร้องรับ จับกิ่งไม้
น้ำค้างพรม ลมพัด กวัดแกว่งไกว
นั่งก่อไฟ ยามเช้า เหงามิคลาย
รีบจัดแจง แต่งชุด รุดไปสวย
นี่ก็จวน ตะวัน ชันโด่งสาย
รดน้ำผัก ฟักแฟง เต้าแตงลาย
ฝนขาดหาย ใบเหี่ยว เช่นเดียวเรา
กระถินไพร ใบงาม ขึ้นตามรั้ว
เด็ดฝักถั่ว จิ้มจิก พริกปลาเจ่า
ปลาทูเค็ม เล็มและ แตะเบาเบา
นับถึงเก้า ข้าวปั้น อิ่มทันที
หญ้ารกชัฎ ตัดถาง วางเป็นปุ๋ย
บ่ายตลุย พรวนดิน รอบลิ้นจี่
สมฮอร์โมน พ่นใบ ใส่อินทรีย์
รอบข้างมี เปลวแดด แผดเผาตัว
เกิดมืดหน้า ตาลาย ใจหายวูบ
น้ำเย็นลูบ ผ้านุ่ม คลุมโปะหัว
ตะวันรอน อ่อนรา ฟ้าเริ่มมัว
ให้หวาดกลัว คนเดียว เดินเปลี่ยวทาง
ถึงดึกดื่น คืนนี้ ฤดีเศร้า
คิดถึงเจ้า หลับตา ค่อนฟ้าสาง
วันหมุนเวียน เปลี่ยนไป ไม่จืดจาง
คงเหลือร่าง ชายเศร้า เหงาเหมือนเดิม
รพีกาญจน์ 59
เคียงพืชพรรณฉันคู่ที่อยู่ใกล้
ล้อมเรียงรายกายเหมือนเป็นเพื่อนเสริม
สกุณากาไก่มาใส่เติม
ช่วยปรุงเพิ่มเจิมใจหาใดปาน
ครั้นค่ำคืนชื่นแลชะแง้เฝ้า
เป็นเพื่อนเนาเราสนิทชิดสังขาร
ทั้งดาวเดือนเกลื่อนฟ้าราตรีกาล
จังหรีดขานประสานซ้องพ้องเรไร
รื่นรื่นรินกลิ่นฉมลมพาหวน
ตรลบอวลชวนคะนึงซึ้งหลงใหล
ทั้งชื่นหอมพร้อมเพลงวังเวงใจ
ชีวิตไพรไกลกังวลหมองมนมาน...
" บูรพ์ "