ถ้าหากความขมขื่นสะอื้นไห้
เปรียบดังก้อนหินใหญ่ถ่วงใจฉัน
จะไปถึงลำโขงที่โค้ง,ชัน
แล้วโยนมันลงไปให้ลับตา
อยากเอาความขมขื่นลงใส่ขวด
แล้วนั่งดวดสะใจคนไร้ค่า
ใส่น้ำแข็งผลุบโผล่พร้อมโซดา
รินลงมา รินลงมา ข้าจะกิน
จะกินเหล้าเผากลุ้มที่สุมอก
น้ำตาตกภายในยังไม่สิ้น
อยากจะกลั่นน้ำใจที่ไหลริน
ลืมยุพินริมโขงที่โค้งไกล
โอ้แม่โขงน้ำไหลช่างไกลนัก
ข้าอกหักรักขมระทมไหม้
เอาใส่ขวดขมขื่นบนผืนใจ
ผสมไปแล้วดื่มเพื่อลืมเธอ
“ไพร พนาวัลย์”
ดื่มในกลอนเท่านั้น ตัวจริง หยุดเหล้าเข้าพรรษา รักษาอกหัก
อยากเก็บความ ขมขื่น ที่กลืนกล้ำ
แสนชอกช้ำ ทรวงใน ใครเสนอ
เก็บให้มิด ปิดตาย อย่าได้เจอ
เพราะฉันเผลอ เซ่อทรุด สะดุดตอ
เก็บเป็นที่ ระลึก ยามนึกหน่าย
ไว้เตือนกาย เตือนใจ ได้เชียวหนอ
ว่าพิษรัก หักอก ช้ำฟกพอ
ถึงจะท้อ แต่ไม่เข็ด อย่าเอ็ดไป
ยามมีสุข สุขนัก รักล้นปรี่
สุขเต็มที่ มิเคยคิด ว่าผิดไหม
จนล่วงเลย เคยชื่น กล้ำกลืนใจ
ทุ่มรักให้ เขาหมด ซดน้ำตา
ด้วยไม่คิด ว่ารัก จักพังพาด
ฤทธิ์รักขาด สะบั้น หวั่นดวงหน้า
เขามีเมีย เคลียร์ไม่ไหว ขอไกลลา
ชาติใหม่มา คิดถ้วนถี่ หากมีรัก