ฟ้าฉ่ำฝนเนืองนองมองกระสินธุ
ที่ไหลรินรวมแอ่งแรงล้นเอ่อ
จากเพียงสายหลายทางวางพบเจอ
ตามองเหม่อ เผลอคล้อย เลื่อนลอยไป
มองตามน้ำยามนี้..หาที่สุด
จะแวะหยุด ลดเลี้ยว เชี่ยวตรงไหน
มีเนินสูง คันดิน ถิ่นแดนใด
มาขวางไว้ ให้หยุด เป็นสุดทาง
เหมือนจุดหมาย ปลายฝัน วันห่วงหา
ไหลเรื่อยมา เป็นสาย ได้ใดขวาง
จะมีไหม ใดยื้อ หรือละวาง
ยิ่งไกลห่าง ยิ่งหาย คนหมายมอง
เป็นสายฝน ตกปน บนดินเลน
ใครมองเห็น ขุ่นแดง แฝงสยอง
ต้องถอยห่างอย่างคร้าม ความคะนอง
หลากล้นคลอง ไร้ค่า พาระทม
ไร้จุดหมาย ไร้หวัง ไร้สั่งสุข
มากด้วยทุกข์ รุกเร้า เข้าทับถม
คนรังเกียจ เดียดฉันท์ มันโสมม
คลุกโคลนตม ราคี ติดที่กาย
จึงต้องหลบ ล้างคราบ ที่อาบร่าง
ปิดแนวทาง ของตน บนเป้าหมาย
รักษาตน คนเศร้า ให้เหงาคลาย
ขอเป็นชาย ไร้ค่า ..ที่ฟ้าเมิน.
ที่ไหลรินรวมแอ่งแรงล้นเอ่อ
จากเพียงสายหลายทางวางพบเจอ
ตามองเหม่อ เผลอคล้อย เลื่อนลอยไป
มองตามน้ำยามนี้..หาที่สุด
จะแวะหยุด ลดเลี้ยว เชี่ยวตรงไหน
มีเนินสูง คันดิน ถิ่นแดนใด
มาขวางไว้ ให้หยุด เป็นสุดทาง
เหมือนจุดหมาย ปลายฝัน วันห่วงหา
ไหลเรื่อยมา เป็นสาย ได้ใดขวาง
จะมีไหม ใดยื้อ หรือละวาง
ยิ่งไกลห่าง ยิ่งหาย คนหมายมอง
เป็นสายฝน ตกปน บนดินเลน
ใครมองเห็น ขุ่นแดง แฝงสยอง
ต้องถอยห่างอย่างคร้าม ความคะนอง
หลากล้นคลอง ไร้ค่า พาระทม
ไร้จุดหมาย ไร้หวัง ไร้สั่งสุข
มากด้วยทุกข์ รุกเร้า เข้าทับถม
คนรังเกียจ เดียดฉันท์ มันโสมม
คลุกโคลนตม ราคี ติดที่กาย
จึงต้องหลบ ล้างคราบ ที่อาบร่าง
ปิดแนวทาง ของตน บนเป้าหมาย
รักษาตน คนเศร้า ให้เหงาคลาย
ขอเป็นชาย ไร้ค่า ..ที่ฟ้าเมิน.
"บ้านริมโขง"
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕