แดดสาย : กับการบีบบังคับ
แมลงปอล่อลมชมทิวไม้
ที่เอนไหวไกลลู่เมื่อครู่นี้
รอสายัณห์พลันอาบฉาบราตรี
ฟังวลีคีตาอิ่มอารมณ์
คำหวาน
ซาบซ่าน ผ่านลม
เพียงพรม
เชยชิดชม แล้วก็ผ่านไป...
ดาราย่ำค่ำแล้วงามแพร้วส่อง
วาดละอองทองทาชีวาใฝ่
แสนเสนาะเพราะพริ้งหริ่งเรไร
ดังก้องไพรใสเสียงเจรียงเพรง
โดนบีบบังคับ
เหมือนกับขาดอากาศตาย โดยโดนข่มเหง
ไม่อยากได้ยินเสียงเพราะที่บรรเลง
มันวังเวงอย่างไรไม่รู้
๑ ค่ำ
๒ มืด
๓ หมดแสง
๔ ไม่เหลืออะไรในใจ
รออรุณอุ่นแสงทองแจ้งสาด
บรรจงวาดวิวแดดสีแสดหรู
งามนักหนากว่าสิ่งใดได้ชมดู
เพราะเราอยู่อย่างจิตคิดว่างาม..
หนูว่านะกลอนของเราหน่ะ ที่เราเขียนก็เป็นกลอยของเราแต่มันขึ้นอยู่กับว่าที่เราเขียนเราเขียนขึ้นมาโดยที่เราจะสื่ออะไรกลอนของหนูอาจจะสื่ออะไรได้โจ่งแจ้ง อ่านปุ๊บก็รู้ปั๊บดูเหมือนจะสวยแต่พอดีความมันออกมามันไม่ได้สื่ออะไรเลยมันเหมือนความว่างเปล่าในแก้วหน่ะค่ะ แต่ถ้าหนูเขียนแล้วหนูรู้ว่าหนูเขียนเพื่อสื่ออะไรหรือเขียนด้วยความประทับใจอะไรหรือ! เขียนด้วยความรู้สึกคิดถึงใคร อะไร อย่างไร กลอนที่หนูเขียนนี้ก็จะออกมาสมบูรณ์ กลอนที่คิดว่ากลอนอย่างไรคือกลอนของหนูหรือ หนูว่ากลอนที่ "ไม่มีแก่นสาร" นี่แหละเป็นกลอนของหนู แต่ละบทที่เขียนถ้าหากไม่มีเรื่องประกอบอะไรเลยหนูว่านะกลอนของหนูก็เหมือนกลอนที่ว่างเปล่าในความสมบูรณ์แบบของแผนผั่ง ที่หนูจะบอกนั้นหมายถึง กลอนของหนูที่ไม่ว่าจะเขียนออกมาใช้ภาษาละมุนละเมียดสักเพียงไรงามสักเพียงไรแต่มันก็'ว่างเปล่า' เพราะไม่รู้เหมือนกันแหละว่าจะสื่ออกมาเพื่ออะไร? เอาเป็นว่ากลอนของหนูถ้าไม่คิดอะไรมากนึกจะเขียนก็เขียนก็คือ กลอนที่สื่อความหมายไม่โจ่งแจ้งหรือ กลอนที่ว่างเปล่าไม่มีความหมายอะไรแต่มันอยู่ในกรอบฉันทลักษณ์เท่านั้นเองแหละ ไม่ต้องสงสัยนะคะ ว่ากลอนหนูเป็นอย่างไร ^^
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
24 พฤศจิกายน 2024, 05:06:AM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: แดดสาย (อ่าน 6601 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: