เพราะรู้อยู่มิคู่ควร จึงหวลไห้
จำต้องค้านอยู่ในใจ ไม่กล้าเผย
ต้องลำบากตรากตรำ ดังจำเลย
ยากจะเอ่ยว่าคิดถึง คนึงนาง
รักที่ล้นเกินทน จึงหม่นไหม้
อยากจะบอกแต่ไม่ได้ ให้หม่นหมาง
ไม่อยากถือแต่ไม่กล้า จะปล่อยวาง
อยู่ระหว่าง เขา ฉัน และตัว เธอ
ถ้าเธออ่านใจฉันออก จะบอกได้
ว่าหัวใจไม่มีใคร มาเสนอ
ทุกสี่ห้องของหัวใจ ใฝ่ละเมอ
เฝ้าพร่ำเพ้อหาเธอ แต่ผู้เดียว
bluesky
จำต้องค้านอยู่ในใจ ไม่กล้าเผย
ต้องลำบากตรากตรำ ดังจำเลย
ยากจะเอ่ยว่าคิดถึง คนึงนาง
รักที่ล้นเกินทน จึงหม่นไหม้
อยากจะบอกแต่ไม่ได้ ให้หม่นหมาง
ไม่อยากถือแต่ไม่กล้า จะปล่อยวาง
อยู่ระหว่าง เขา ฉัน และตัว เธอ
ถ้าเธออ่านใจฉันออก จะบอกได้
ว่าหัวใจไม่มีใคร มาเสนอ
ทุกสี่ห้องของหัวใจ ใฝ่ละเมอ
เฝ้าพร่ำเพ้อหาเธอ แต่ผู้เดียว
bluesky
แม้มีใจ ใฝ่ถึง ดั่งพึงกล่าว
ไยมิน้าว โน้มไว้ ใคร่แลเหลียว
มอบใจรัก ภักด์มั่น ดุจพันเกลียว
ยื่นก้อยเกี่ยว เหนี่ยวรัก สลักตรึง
เพียงน้ำถ้อย คอยย้ำ พร่ำห่วงหา
หรือมิกล้า เอื้อนเอ่ย เผยคิดถึง
เก็บซ่อนอำ คำหวาน สาส์นคำนึง
ปล่อยใครหนึ่ง หวนไห้ ด้วยใจตรม
แม้ยังคง ส่งใจ อาลัยหวง
อย่าให้ร่วง เลยนาน จนพานขม
โศกซึมซับ กับกาล ถึงซานซม
สิ้นภิรมย์ ด้วยเรา ไม่เข้าใจ...
“สุนันยา”
ไยมิน้าว โน้มไว้ ใคร่แลเหลียว
มอบใจรัก ภักด์มั่น ดุจพันเกลียว
ยื่นก้อยเกี่ยว เหนี่ยวรัก สลักตรึง
เพียงน้ำถ้อย คอยย้ำ พร่ำห่วงหา
หรือมิกล้า เอื้อนเอ่ย เผยคิดถึง
เก็บซ่อนอำ คำหวาน สาส์นคำนึง
ปล่อยใครหนึ่ง หวนไห้ ด้วยใจตรม
แม้ยังคง ส่งใจ อาลัยหวง
อย่าให้ร่วง เลยนาน จนพานขม
โศกซึมซับ กับกาล ถึงซานซม
สิ้นภิรมย์ ด้วยเรา ไม่เข้าใจ...
“สุนันยา”