หวังแสงดาวสาวเดือนเหมือนในฝัน
ร่ำรำพันด้วยเฝ้าใจเหงาหงอย
เหมือนคว้าลมชมกลิ่นประทินลอย
ไม่นานคล้อยลอยห่างอ้างว้างตรม
ไร้ตัวตนบนสัมผัสไร้สัดส่วน
ไร้หมู่มวลอวลไอให้ไล้สม
ไร้โอบเอื้อเจือจานอ้อนหวานชม
ไร้สู่สมบ่มเขลาไร้เงาคอย
เพียงลมลม แล้งแล้ง แห่งใฝ่ฝัน
ไม่มีวันเป็นจริงยิ่งเหงาหงอย
ไร้เงาใครในจิตคิดเลื่อนลอย
ได้แต่ปล่อยสมมุติฉุดอาวรณ์
จึงเพียงคิดเพียงฝันมันไม่สม
เปิดอารมณ์คมคำนำไปก่อน
เผยตัวตนบนจิตคิดเกี่ยวกร
เปิดปากอ้อนหนึ่งใคร ให้รู้ตัว
ด้วยอย่าอ้อนดาวเดือนอันเกลื่อนฟ้า
ให้หันหน้าอ้อนเขาเข้ากล่อมกลั้ว
เอ่ยคำหวานซ่านใสใช่ขุ่นมัว
สุขสมชั่วฟ้าดิน..กลิ่นไม่จาง..
ร่ำรำพันด้วยเฝ้าใจเหงาหงอย
เหมือนคว้าลมชมกลิ่นประทินลอย
ไม่นานคล้อยลอยห่างอ้างว้างตรม
ไร้ตัวตนบนสัมผัสไร้สัดส่วน
ไร้หมู่มวลอวลไอให้ไล้สม
ไร้โอบเอื้อเจือจานอ้อนหวานชม
ไร้สู่สมบ่มเขลาไร้เงาคอย
เพียงลมลม แล้งแล้ง แห่งใฝ่ฝัน
ไม่มีวันเป็นจริงยิ่งเหงาหงอย
ไร้เงาใครในจิตคิดเลื่อนลอย
ได้แต่ปล่อยสมมุติฉุดอาวรณ์
จึงเพียงคิดเพียงฝันมันไม่สม
เปิดอารมณ์คมคำนำไปก่อน
เผยตัวตนบนจิตคิดเกี่ยวกร
เปิดปากอ้อนหนึ่งใคร ให้รู้ตัว
ด้วยอย่าอ้อนดาวเดือนอันเกลื่อนฟ้า
ให้หันหน้าอ้อนเขาเข้ากล่อมกลั้ว
เอ่ยคำหวานซ่านใสใช่ขุ่นมัว
สุขสมชั่วฟ้าดิน..กลิ่นไม่จาง..
"บ้านริมโขง"