มีเพียงหนึ่ง จึงเห็น เป็นเพียงเสี้ยว
อีกหนึ่งเหลียว เกี่ยวรับ จับขอบขันธ์
อีกหนึ่งเด่น เช่นใกล้ ไขว่คว้ากัน
อีกรำพัน นั้นต่าง อย่างฟ้าดิน
ยามจันทร์เยือน เหมือนหมาย คล้ายแปรเปลี่ยน
จันทร์วนเวียน เขียนวาด ขาดถวิล
ไม่สนใจ ใครหวัง หลั่งจากจินต์
กลับโผผลิน บินจาก มากคนคอย
จากแรมจันทร์ นั้นเสริม เติมเพ็ญผ่อง
จากวันหมอง ส่องสวย ด้วยแสงสอย
อาบอารมณ์ สมสุข ทุกข์ลบรอย
จันทร์เจ้าอ่อย ปล่อยฝัน รัญจวนชม
ต่างจากฉัน วันนี้ ที่แลหา
ต่างทุกครา พาฝัน นั้นแสนขม
ต่างจนจิต คิดหวัง พังลอยลม
ต่างจนตรม ซมซาน หวานไม่มี
เติมไม่เต็ม เค็มปร่า ฟ้ามืดมิด
ลมฝนติด ปิดจันทร์ กั้นแสงสี
ให้เหว่ว้า คว้าใฝ่ ไร้ใยดี
จันทร์หลีกลี้ หนีหน้า พาคร่ำครวญ
ใจยังแหว่ง แห่งไหน ใจยังหม่น
เติมใจตน ไม่พอ ต่อกำสรวล
ไม่เหมือนจันทร์ วันนี้ ที่แสงนวล
จึงรัญจวน ป่วนหา คว้าเติมเต็ม.
อีกหนึ่งเหลียว เกี่ยวรับ จับขอบขันธ์
อีกหนึ่งเด่น เช่นใกล้ ไขว่คว้ากัน
อีกรำพัน นั้นต่าง อย่างฟ้าดิน
ยามจันทร์เยือน เหมือนหมาย คล้ายแปรเปลี่ยน
จันทร์วนเวียน เขียนวาด ขาดถวิล
ไม่สนใจ ใครหวัง หลั่งจากจินต์
กลับโผผลิน บินจาก มากคนคอย
จากแรมจันทร์ นั้นเสริม เติมเพ็ญผ่อง
จากวันหมอง ส่องสวย ด้วยแสงสอย
อาบอารมณ์ สมสุข ทุกข์ลบรอย
จันทร์เจ้าอ่อย ปล่อยฝัน รัญจวนชม
ต่างจากฉัน วันนี้ ที่แลหา
ต่างทุกครา พาฝัน นั้นแสนขม
ต่างจนจิต คิดหวัง พังลอยลม
ต่างจนตรม ซมซาน หวานไม่มี
เติมไม่เต็ม เค็มปร่า ฟ้ามืดมิด
ลมฝนติด ปิดจันทร์ กั้นแสงสี
ให้เหว่ว้า คว้าใฝ่ ไร้ใยดี
จันทร์หลีกลี้ หนีหน้า พาคร่ำครวญ
ใจยังแหว่ง แห่งไหน ใจยังหม่น
เติมใจตน ไม่พอ ต่อกำสรวล
ไม่เหมือนจันทร์ วันนี้ ที่แสงนวล
จึงรัญจวน ป่วนหา คว้าเติมเต็ม.
"บ้านริมโขง"
๙ กรกฎาคม ๒๕๕๕