ตะวันลอยคล้อยเคลื่อนเยือนขอบฟ้า
ยามเย็นย่ำพนาป่าสิงขร
แว่วสำเนียงเสียงไพรในดงดอน
รู้สึกผ่อนคลายดีดนตรีไพร
เป็นบทเพลงเปล่งเสียงเคียงประสาน
ธรรมชาติบันดาลขับขานไข
บริสุทธิ์ผุดผ่องละอองไอ
ท่ามแมกไม้ขุนเขาลำเนาแดน
นั้นนกเขาขันคูเห็นคู่หนึ่ง
เคล้าคลอคลึงเคียงข้างช่างสุขแสน
แต่ตัวเราเปล่าเปลี่ยวเหลียวไร้แฟน
เดินอกแอ่นอ้างว้างกลางพนา
ยามเย็นย่ำพนาป่าสิงขร
แว่วสำเนียงเสียงไพรในดงดอน
รู้สึกผ่อนคลายดีดนตรีไพร
เป็นบทเพลงเปล่งเสียงเคียงประสาน
ธรรมชาติบันดาลขับขานไข
บริสุทธิ์ผุดผ่องละอองไอ
ท่ามแมกไม้ขุนเขาลำเนาแดน
นั้นนกเขาขันคูเห็นคู่หนึ่ง
เคล้าคลอคลึงเคียงข้างช่างสุขแสน
แต่ตัวเราเปล่าเปลี่ยวเหลียวไร้แฟน
เดินอกแอ่นอ้างว้างกลางพนา
ตะวันลับ ยอดไม้ ไปนานแล้ว
ยินเสียงแว่ว หวีดหวิว ในทิวป่า
เก้งกวางช้าง รายเรียง เดินเคียงมา
เห็นแล้วพา หวั่นหวาด อนาถใจ
มองกระทิง ลิงลม แลสมเสร็จ
โอ้นั่นเป็ด แมนดาริน บินมาใกล้
นกเขาขัน ดังลั่น สนั่นไพร
งูตัวใหญ่ เลื้อยฉก นกไปกิน
เป็นวิถี ชีวิต คิดยิ่งเศร้า
กระแตไต่ เต้นเร่า เข้าโพรงสิ้น
นกเค้าแมว เห็นหนู อดสูจินต์
หนูมุดดิน ลงรู รู้เท่าทัน
ตะวันลับดับลงตรงขอบฟ้า
ฝูงไก่ป่าเคล้าคลอโก่งคอขัน
นกเขาเขียวเหลียวดูหาคู่มัน
ต่างพากันบินจรย้อนคืนรัง
ชะมดออกหากินเมื่อสิ้นแสง
ลูกไทรสุกสีแดงแห่งความหวัง
บ่างกระโดดโลดโผนกระโจนยัง
ลงมานั่งกิ่งไทรมองไปมา
ฝูงค้างคาวกราวเกรียวบินเคี้ยวคด
อยากชิมรสผลไทรต้นไม้ป่า
เจ้ากระต่ายหมายมั่นมองจันทรา
นกตบยุงเริงร่าถลาบิน