คืนนั้นบนเถียงนา
สี่โมงเย็นเห็นเขานั่งเศร้าหม่น
คล้ายกับคนถูกทุกข์มารุกหนัก
ฉันเดินเข้าไปหาพูดจาทัก
เขาพยักนหน้ารับโดยฉับพลัน
เถียงนาเขาห่างไปไม่ไกลมาก
ไม่ผ่านขวากหนามใดให้ไหวหวั่น
สองทุ่มฉันฉายไฟออกไปพลัน
เดินตามคันแทนาไปหาเขา
กะจะชวนเขาเป็นเพื่อนคืนเดือนใส
เพื่อส่องไฟจับหนูนายุหมาเห่า
ใกล้เถียงนาว่าจะเตือนต่อเพื่อนเรา
กลับเงียบเหงาคล้ายเถียงนี้ไม่มีคน
เพราะไม่กล้าส่องไฟขึ้นไถ่ถาม
จึงเดินตามคันแทกลับอย่างสับสน
เถียงนาเขาวันนี้ดั่งมีมนต์
คิดฉงนใจอยู่ไม่รู้คลาย
หลับทั้งคืนตื่นมาล้างหน้าแล้ว
เสียงร้องแว่วก้องทุ่งชวนมุ่งหมาย
ยินว่า “พี่ทำไมหนอ ผูกคอตาย”
มาจากปลายเถียงนาเขาอย่างเศร้าใจ
เพราะเขาถูกเจ้าหนี้ทวงอย่างหน่วงหนัก
จนขลุกขลักเกินที่ใช้หนี้ไหว
จึงจากบ้านมานอนเถียงฟังเสียงไพร
ปล่อยเมียให้นอนบ้านหลายวันคืน
ฉันขนลุกทันใดตกใจสั่น
หากคืนนั้นส่องไฟขึ้นไปยื่น
คงสยองตรอมตรมวิ่งล้มครืน
ไม่อาจฝืนใจเย็น ต้องเผ่นพลัน!ฯ
อริญชย์
๒๑/๖/๒๕๕๕
ปล.เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง เกิดขึ้นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เพื่อนบ้านผูกคอตายบนเถียงนา
เรื่องมีอยู่ว่า เขาติดหนี้คนอื่น เจ้าหนี้มาทวง ไม่มีเงินใช้เขา สี่โมงเย็นก่อนเขาเสียชีวิต เขาถือเชือก(เชือกผูกควาย) มานอนมือก่ายหน้าผาก บนเตียง(สะแนน)นั่งเล่นของเพื่อนบ้านใกล้กัน เขาไม่ค่อยพูดอะไร
ราวสองทุ่มกว่า เพื่อนบ้านใกล้กัน กะชวนไปส่องสัตว์ด้วยกัน จึงไปหาเขาที่เถียงนา
แปลกใจ!ที่เถียงนาเหมือนไม่มีใครอยู่ ไม่กล้าส่องไฟขึ้น เกรงจะเสียมารยาท
ก็เลยเดินกลับ
ตื่นเช้า ภรรยาของคนที่ผูกคอตาย เอากับข้าวมาส่ง (ภรรยานอนบ้าน ส่วนเขามานอนเถียงนาหลายคืนแล้ว) พลันร้องห่มร้องไห้ วิ่งมาบอกเพื่อนใกล้เถียงนาว่า
ผัวผูกคอตาย
เพื่อนบ้านคนนี้ตกใจมาก และก็กลัวด้วย เรื่องนี้เขานำมาเล่าให้ฟังอีกที ก็เลยแต่งเป็นกลอนไว้ให้สยองกันเล่น ๆ ดังนี้
ชาวบ้านพากันทำฌาปนกิจศพคนที่ผูกคอตาย แล้วก็จุดไฟเผาเถียงนาทิ้งทั้งหลังเลย
ช่วงนั้นเป็นช่วงฤดูเกี่ยวข้าว ลมหนาวเย็นๆ ชาวบ้านผวาไปตามกัน ๆ
คนที่เคยบอกว่าไม่กลัวผี สุดท้ายก็เผยความจริงคือความกลัวออกมาช่วงนี้นี่เอง ฮา ไม่กลัว แต่ไม่กล้าไปเกี่ยวข้าวคนเดียว อิอิ
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน |
22 พฤศจิกายน 2024, 08:38:PM | |||
|
ผู้เขียน | หัวข้อ: ดึกดื่นค่ำคืนนั้น (อ่าน 4991 ครั้ง) |
| ||||||||||
Email: