ไม่ได้ชมสมใจร่ำไรบ่น
เหมือนขัดสนหม่นชื่นพาขื่นขม
เหมือนนาแล้งแห้งโหนขาดโคลนตม
จะปลูกใดไม่สม..อารมณ์ครวญ
เกินจะฝ่าผ่าปมขมลิขิต
เกินจะคิดเพียงน้อยร้อยเสสรวล
คำเสนอเจอสนองจึงครองนวล
ต้องปั่นป่วนล้วนห่าง..รักข้างเดียว
ต้องเสริมคานสานตามนิยามไว้
ต่อเติมให้ไร้ห่วงช่วงเฉลียว
คงแน่นอนบ่อนพักแน่นักเชียว
คือคานเกี่ยวเหนี่ยวแน่อย่าแลเลย
ขอยินดีมีอาศรมคอยชมชื่น
อยู่ราบรื่นชื่นเถิดให้เปิดเผย
รักษาศีลกินเจเท่ห์นักเอย
เมื่อทรามเชยเลยล่วง..ตัดห่วงใย..
"บ้านริมโขง"
ไม่ระวังดวงจิต...คอยบิดพลิ้ว
กี่รอยริ้วขวากหนามยามหวั่นไหว
เชื่อว่าเป็นฤทธาจึ่งปราชัย
รอหนึ่งใครครวญคำ..เอื้อรำพัน
รีบยึดติดคิดเกี่ยว...กลัวเดี่ยวโดด
หัวใจโสดเฉิดฉายประกายฝัน
หมายบูชาหนึ่งภักดิ์รักนิรันดร์
เป็นกำนัลชีวิตคนอิดโรย
ยากจะอยู่อาศรม...ถ้าขมขื่น
มิเต็มตื่นผ่านผิวยิ่งหิวโหย
น้ำตาคลอเพียงพรมว่าลมโชย
คิดเองโดยไม่ฟัง..ถูกรังแก