ทั้งหลายท่านระวังตนเมื่อฝนพรำ
ฝนพรมพรำย้ำมนุษย์ดุจสายฝน
ยามเมฆหล่นโปรยปนน้ำจากเบื้องบน
ฝนนั้นต่างจากใจคนไม่หม่นมัว
แม้นบินสูงดั่งเหยี่ยวทองสองปีกแข็ง
ใจเราย่อมกล้าแกร่งแม้แสงสลัว
เห็นฟ้าฟาดยิ้มใส่ไม่หวาดกลัว
ยืนยิ้มหัวเข้าใส่ใจนักเลง
เล็งดูแสงส่องนภาหลังฟ้าฝน
ดั่งใจคนเริ่มฉายแสงแห่งความหวัง
หลังฟ้าฝนขนทุกข์คืนมืดเปิดไฟ
ท่านทั้งหลายระวังตนเมื่อฝนพรำ
กระต่ายป่า ข้างวัด
[/size]
จะขอย้ำเป็นคำกลอนสุนทรกลับ
ให้สดับรับเสียงเพียงความหมาย
แม้ฝนพรำจงทำใจให้สบาย
ทุกข์ทั้งหลายเปลี่ยนจากขื่นเป็นชื่นใจ
กระต่ายป่ากล่าวว่ายามฟ้าฟาด
ใจองอาจยิ้มใส่ไม่หวั่นไหว
แต่ใจมนุษย์ ดุจหินศอก ตอกเป็นไชย
ไปมาผลักย่อมไกวด้วยใจกลัว
ให้สดับรับเสียงเพียงความหมาย
แม้ฝนพรำจงทำใจให้สบาย
ทุกข์ทั้งหลายเปลี่ยนจากขื่นเป็นชื่นใจ
กระต่ายป่ากล่าวว่ายามฟ้าฟาด
ใจองอาจยิ้มใส่ไม่หวั่นไหว
แต่ใจมนุษย์ ดุจหินศอก ตอกเป็นไชย
ไปมาผลักย่อมไกวด้วยใจกลัว