๐ขอโทษด้วย...ฉันมิใช่นักกวี๐
ฉันมิใช่นักกวีหรอก...ที่รัก
ด้วยหาวรรคทองใดยังไม่เห็น
คิดได้แต่ถ้อยคำอันลำเค็ญ
ไม่โดดเด่นด้วยภาษานักกวี
ฉันมิใช่นักกวีหรอก...ที่รัก
แม้จมปลักกับบทกลอนอักษรศรี
แต่ฉันยังเดียวดายทางสายนี้
ฉันไม่มีพรแสวงแสงสวรรค์
ฉันมิใช่นักกวีหรอก...ที่รัก
เพราะรู้จักแต่ถ้อยคำการห้ำหั่น
ใช้สำนวนไม่เด่นดั่งเพ็ญจันทร์
เส้นทางฝันจึงเศร้าไม่พราวพราย
ฉันมิใช่นักกวีหรอก...ที่รัก
จึงขลุกขลักกับนิยามไร้ความหมาย
เขียนแต่เรื่องหนาวเหน็บเกิดเจ็บตาย
หาความหมายใดใด...ไร้ราคา
ฉันมิใช่นักกวีหรอก...ที่รัก
เพียงตระหนักถึงภูเขาลำเนาป่า
ห่วงสัตว์โลกสูญดับไปลับลา
ใครจะมาเพลิดเพลินร่วมเดินทาง
ฉันมิใช่นักกวีหรอก...ที่รัก
ยิ่งเศร้าหนักเมื่อเธอเมินทำเหินห่าง
ชีวิตฉันจึงเสมือนภาพเลือนราง
แสงสว่างที่หวังไว้...พลันไร้แวว!ฯ
อริญชย์
๑๑/๖/๒๕๕๕
ฉันมิใช่นักกวีหรอก...ที่รัก
ด้วยหาวรรคทองใดยังไม่เห็น
คิดได้แต่ถ้อยคำอันลำเค็ญ
ไม่โดดเด่นด้วยภาษานักกวี
ฉันมิใช่นักกวีหรอก...ที่รัก
แม้จมปลักกับบทกลอนอักษรศรี
แต่ฉันยังเดียวดายทางสายนี้
ฉันไม่มีพรแสวงแสงสวรรค์
ฉันมิใช่นักกวีหรอก...ที่รัก
เพราะรู้จักแต่ถ้อยคำการห้ำหั่น
ใช้สำนวนไม่เด่นดั่งเพ็ญจันทร์
เส้นทางฝันจึงเศร้าไม่พราวพราย
ฉันมิใช่นักกวีหรอก...ที่รัก
จึงขลุกขลักกับนิยามไร้ความหมาย
เขียนแต่เรื่องหนาวเหน็บเกิดเจ็บตาย
หาความหมายใดใด...ไร้ราคา
ฉันมิใช่นักกวีหรอก...ที่รัก
เพียงตระหนักถึงภูเขาลำเนาป่า
ห่วงสัตว์โลกสูญดับไปลับลา
ใครจะมาเพลิดเพลินร่วมเดินทาง
ฉันมิใช่นักกวีหรอก...ที่รัก
ยิ่งเศร้าหนักเมื่อเธอเมินทำเหินห่าง
ชีวิตฉันจึงเสมือนภาพเลือนราง
แสงสว่างที่หวังไว้...พลันไร้แวว!ฯ
อริญชย์
๑๑/๖/๒๕๕๕
แม้นว่าเธอ มิหมาย ให้ดูเด่น
แต่ที่เห็น กรองกานท์ นั้นผ่องแผ้ว
ทั้งตลก สาระ มาเป็นแนว
เธอเหมือนแก้ว แววใส อยู่ในจินต์
ได้แต่แอบ ชื่นชม นิยมชอบ
อยู่ในกรอบ คุณค่า กวีศิลป์
เป็นแบบอย่าง วางไว้ ให้ยลยิน
ไม่เคยสิ้น ศรัทธา ภาษากลอน
ด้วยสำนวน ชวนขำ มีอำบ้าง
หักมุมอย่าง เริงรื่น ชื่นอักษร
พจนารถ วาดวาง อย่างอาทร
ทุกบทตอน สมค่า ว่ากวี
มิต้องหวาน ย้อยหยด ด้วยบทรัก
แต่ตระหนัก คำคม ภิรมย์ศรี
รสอักษร รินร่าย ด้วยไมตรี
เธอนั้นมี พร้อมสรรพ์...(สุ)รับประกัน....
“สุนันยา”
สุเขียนตามความรู้สึกของตัวเอง ที่เป็นจริงค่ะ..
แต่ที่เห็น กรองกานท์ นั้นผ่องแผ้ว
ทั้งตลก สาระ มาเป็นแนว
เธอเหมือนแก้ว แววใส อยู่ในจินต์
ได้แต่แอบ ชื่นชม นิยมชอบ
อยู่ในกรอบ คุณค่า กวีศิลป์
เป็นแบบอย่าง วางไว้ ให้ยลยิน
ไม่เคยสิ้น ศรัทธา ภาษากลอน
ด้วยสำนวน ชวนขำ มีอำบ้าง
หักมุมอย่าง เริงรื่น ชื่นอักษร
พจนารถ วาดวาง อย่างอาทร
ทุกบทตอน สมค่า ว่ากวี
มิต้องหวาน ย้อยหยด ด้วยบทรัก
แต่ตระหนัก คำคม ภิรมย์ศรี
รสอักษร รินร่าย ด้วยไมตรี
เธอนั้นมี พร้อมสรรพ์...(สุ)รับประกัน....
“สุนันยา”
สุเขียนตามความรู้สึกของตัวเอง ที่เป็นจริงค่ะ..