ไม่มีเลยวันว่าง อย่างใครเขา
มีแต่เฝ้าจดจ่อต่อนาสวน
ยามฝนเทดินฉ่ำร่ำรัญจวน
คอยเนื้อนวลทำนาไม่มาแล
จึงวางมือถือคันไถไกลจากกลอน
เปลี่ยนจากอ้อนคนงามเคยตามแหย่
จูงเจ้าทุยลุยนาพาไถแปร
มุ่งมั่นแต่แลทุ่งมุ่งลุยโคลน
ชีวิตเราชาวนาใครมาสน
หน้าดำหม่นบนตัวไร้หัวโขน
หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดินกลิ่นควายโชน
เกินจะโดนใจนำคำกวี
ภาษากลอนภาษากานท์เคยหวานหยด
จึงต้องหดห่างหายดั่งหน่ายหนี
เป็นเพราะเหนื่อยงานสร้างอ้างวจี
“วสันต์” หาย บางที่ พี่อาจคืน
มีแต่เฝ้าจดจ่อต่อนาสวน
ยามฝนเทดินฉ่ำร่ำรัญจวน
คอยเนื้อนวลทำนาไม่มาแล
จึงวางมือถือคันไถไกลจากกลอน
เปลี่ยนจากอ้อนคนงามเคยตามแหย่
จูงเจ้าทุยลุยนาพาไถแปร
มุ่งมั่นแต่แลทุ่งมุ่งลุยโคลน
ชีวิตเราชาวนาใครมาสน
หน้าดำหม่นบนตัวไร้หัวโขน
หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดินกลิ่นควายโชน
เกินจะโดนใจนำคำกวี
ภาษากลอนภาษากานท์เคยหวานหยด
จึงต้องหดห่างหายดั่งหน่ายหนี
เป็นเพราะเหนื่อยงานสร้างอ้างวจี
“วสันต์” หาย บางที่ พี่อาจคืน
"บ้านริมโขง"
คอยไปเถอะ พี่ชาย คอยไปเถอะ
โคลนเปื้อนเปรอะ อย่างนั้น อย่าขันขืน
ไม่กลับหรอก บ้านนา ป่าดงปืน
นอนกลางคืน เหลือบริ้น บินตอมไง
อยากทำนา ทำไป น้องไม่ว่า
แต่อย่ามา โอดครวญ ด่วนเฉไฉ
เหม็นกลิ่นเหงื่อ เบื่อมาก จากลาไกล
ขืนร่ำไร อีกหน จะโดนดี
ขายข้าวได้ ส่งเงิน ให้น้องด้วย
ค่าเสริมสวย ศัลยกรรม ทำแสนสี่
ทั้งทุบหน้า เหลาคาง ทุกอย่างซี
อีกทั้งหนี้ ค่าหอ รอจ่อคิว
พันทอง