ฟ้าร้องร่ำคร่ำครวญลมป่วนปั่น
ดั่งนวลจันทร์หายลับไม่กลับหวน
คิดถึงคืนผูกพันเฝ้ารัญจวน
อยากทบทวนคืนวันให้หันคืน
กาลเวลาพาไกลดุจใยรัก
ที่ทอถักหักล้มจนขมขื่น
ดั่งผิดฝาผิดตัวมัวกล้ำกลืน
สุดจะฝืนอยู่ไปให้ใจพัง
เพราะต่างเอาแต่ใจฉุดไม่อยู่
ทั้งที่รู้รักมากเฝ้าฝากฝัง
อยากจะเอาชนะเข้าปะพลัง
จึงต้องหลั่งน้ำตาลาจากกัน
อยากจะหวนคืนกลับไปรับขวัญ
กลัวเธอนั้นเฉยชาพาผกผัน
ดั่งฟ้าคร่ำครวญหาสุดจาบัลย์
คอยแสงจันทร์ส่องมาสู่ฟ้าไกล
“ไพร พนาวัลย์”
หากแม้นย้อนคืนวันนั้นกลับหวน
จักทบทวน วันคืน ที่ชื่นใส
กลับมาร้อยถ้อยรักสลักใน
ดังที่ใจ ใฝ่หา มิลาเลือน
ยามนี้เราห่างไกล เกินใฝ่ฝัน
ไม่อาจทวนสัมธ์ นั้นให้เหมือน-
อดีตผ่านเลยกาลมิผันเยือน
รักจึงเคลื่อน เลื่อนคลอย ไม่คอยเรา
จึงเหมือนจัทร์ไร้แสงแฝงเวหน
ถูกเมฆหม่น วนปิด มิดอับเฉา
ไม่เหลือรอยให้เห็น เช่นดั่งเงา
รักของเรา คงจบไม่พบพา
ช้ำสลด ยากปลดทรวง ในบ่วงลึก
ที่ตกผลึก ตรึกไว้ ให้แน่นหนา
คงเหลือแต่ รอยกรรม กระหน่ำมา
ต้องอำลา ห่างหาย ออกไกลทาง...
"สุนันยา"
จักทบทวน วันคืน ที่ชื่นใส
กลับมาร้อยถ้อยรักสลักใน
ดังที่ใจ ใฝ่หา มิลาเลือน
ยามนี้เราห่างไกล เกินใฝ่ฝัน
ไม่อาจทวนสัมธ์ นั้นให้เหมือน-
อดีตผ่านเลยกาลมิผันเยือน
รักจึงเคลื่อน เลื่อนคลอย ไม่คอยเรา
จึงเหมือนจัทร์ไร้แสงแฝงเวหน
ถูกเมฆหม่น วนปิด มิดอับเฉา
ไม่เหลือรอยให้เห็น เช่นดั่งเงา
รักของเรา คงจบไม่พบพา
ช้ำสลด ยากปลดทรวง ในบ่วงลึก
ที่ตกผลึก ตรึกไว้ ให้แน่นหนา
คงเหลือแต่ รอยกรรม กระหน่ำมา
ต้องอำลา ห่างหาย ออกไกลทาง...
"สุนันยา"