แม้กลางดง พงพี ยังมีนก
โพระดก ร้องร่ำ แสนฉ่ำไหว
เสียงกังวาล ก้องป่า พนาไพร
ยิ่งตกใจ หวาดหวั่น ด้นดั้นมา
มองทิวสน บนเขา ให้เศร้าจิต
ขาดมิ่งมิตร เคียงเรียง มองเมียงหา
ลมโบยโบก สนพริ้ว สยิวกายา
ในอุรา หมองหมาง ตามทางเดิน
แสนระห้อย หนักหนา นิจจาเอ๋ย
ไฉนเลย เปล่าเปลี่ยว ก้อยเกี่ยวเขิน
ถ้าแม้นพี่ มาด้วย คงช่วยเพลิน
ระหกระเหิน ตามทาง อ้างว้างพลัน
หอมรวยริน กลิ่นไอ ไม่ไหวแล้ว
จำต้องแจว จากป่า พนาสัณฑ์
จวนเวลา อัสดง ให้งงงัน
ใจเริ่มสัน หวิวหวาด นึกขลาดกลัว
พันทอง
โอ้กระไร ใจเจ้า เฝ้าหวาดหวั่น
ใต้แสงจันทร์ กลางพนา คืนฟ้าหลัว
หริ่งเรไร กล่อมขับ รับเมฆมัว
ขวัญเอยขัวญ คืนตัว อย่ากลัวเกรง
มีแต่เสียง ลมหวิว จากทิวสน
รื่นสายชล รินไหล ใช่ข่มเหง
แผ่วใบไม้ เริงร่ำ ระบำลำเพลง
แว่วบรรเลง หวิวไหว พร้อมสายลม
หอมรวยริน กลิ่นกรุ่น ละมุลชื่น
ที่ดาษดื่น รื่นละไม หทัยสม
มวลผกา พฤกษา น่าชื่นชม
อย่าตรอมตรม หวาดหวั่น ถึงขั้นกลัว....
“สุนันยา”