ณ กลางดงพงพีป่าสีเขียว
มองแลเหลียวทางใดให้สดชื่น
ธรรมชาติวาดวางอย่างกลมกลืน
มวลแมกไม้ดาษดื่นน่าตื่นตา
ภูเขาสูงสลับแสนซับซ้อน
เป็นคลื่นลอนลาดยาวสุดราวฟ้า
เห็นสายหมอกหยอกเย้าขุนเขานา
แสนหรรษาชื่นชมภิรมย์ใจ
เย็นสายลมพรมพัดสะบัดพลิ้ว
ต้นหญ้าใบไม้ปลิวลิ่วไสว
หอมละมุนกรุ่นกลิ่นระรินไอ
มวลดอกไม้นาพรรณอันตระการ
สกุณาร่าเริงบันเทิงร้อง
ดังแซ่ซ้องสำเนียงเสียงประสาน
ดุจดนตรีคีย์เพลงบรรเลงปาน
จรรโลงมานไพเราะเสนาะจริง
สายน้ำใสไหลเย็นกระเซ็นซ่าน
พาดวงมานบรรจบสงบนิ่ง
สุขหนักหนาคราเที่ยวเกี่ยวแอบอิง
มาพักพิงรับลมชมพฤกษ์ไพร
มองแลเหลียวทางใดให้สดชื่น
ธรรมชาติวาดวางอย่างกลมกลืน
มวลแมกไม้ดาษดื่นน่าตื่นตา
ภูเขาสูงสลับแสนซับซ้อน
เป็นคลื่นลอนลาดยาวสุดราวฟ้า
เห็นสายหมอกหยอกเย้าขุนเขานา
แสนหรรษาชื่นชมภิรมย์ใจ
เย็นสายลมพรมพัดสะบัดพลิ้ว
ต้นหญ้าใบไม้ปลิวลิ่วไสว
หอมละมุนกรุ่นกลิ่นระรินไอ
มวลดอกไม้นาพรรณอันตระการ
สกุณาร่าเริงบันเทิงร้อง
ดังแซ่ซ้องสำเนียงเสียงประสาน
ดุจดนตรีคีย์เพลงบรรเลงปาน
จรรโลงมานไพเราะเสนาะจริง
สายน้ำใสไหลเย็นกระเซ็นซ่าน
พาดวงมานบรรจบสงบนิ่ง
สุขหนักหนาคราเที่ยวเกี่ยวแอบอิง
มาพักพิงรับลมชมพฤกษ์ไพร
ยินสำเนียง เสียงผ่าน ซ่านสุขศรี
คล้ายดนตรีบรรเลงเพลงหวามไหว
วิเวกแว่วรัญจวนชวนซึ้งใจ
ลมสะบัด พัดไกวชื่นใดปาน
แสงแดดอ่อนยามเช้าพราวฟากฟ้า
สกุณา ออดอ้อน ป้อนเสียงหวาน
ถลาร่อนสายลม สมสราญ
ดังอยู่ห้วง ตระการ วิมานไพร
สายลมโชย โรยผ่าน ม่านเวหา
ช่วยพัดพา เมฆหลีก ปลีกฟ้าใส
แสงระวี ส่องสกาว พราวพิไล
ชื่นหทัย ในฤดี แสนปรีดา
โอ้นกน้อยเคียงอยู่เป็นคู่สอง
จำเรียงร้อง พร้องรับ จับพฤกษา
มองเห็นนก อกชื่น รื่นกายา
เราสิหนา อุราเปลี่ยว อยู่เดียวดาย/.....
“สุนันยา”