เอามาลีมาเทียบคำเปรียบเจ้า
ขอคลอเคล้ามะลินี้ที่สดใส
จะถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงฤทัย
สูดกลิ่นไอหอมนวลทวนเช้าค่ำ
เก็บอนงค์ลงวาง ณ ปรางค์แก้ว
พิลาศแพร้วลั่นดาลนานฉนำ
ใส่โซ่ทองกรงเพชรไว้จองจำ
ขับลำนำเพียงข้าฟังประทังเศร้า
เพราะอยู่เดี่ยวเดียวดายยังไร้คู่
ได้พธูต่อกลอนวิงวอนกล่าว
ด้วยเพลงกานท์สะท้านถึงดวงดาว
ทั้งห้วงหาวสดับเสียงสำเนียงซึ้ง
เนิน จำราย
ขอคลอเคล้ามะลินี้ที่สดใส
จะถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงฤทัย
สูดกลิ่นไอหอมนวลทวนเช้าค่ำ
เก็บอนงค์ลงวาง ณ ปรางค์แก้ว
พิลาศแพร้วลั่นดาลนานฉนำ
ใส่โซ่ทองกรงเพชรไว้จองจำ
ขับลำนำเพียงข้าฟังประทังเศร้า
เพราะอยู่เดี่ยวเดียวดายยังไร้คู่
ได้พธูต่อกลอนวิงวอนกล่าว
ด้วยเพลงกานท์สะท้านถึงดวงดาว
ทั้งห้วงหาวสดับเสียงสำเนียงซึ้ง
เนิน จำราย
๏ เสนาะน้อยถ้อยคำดังน้ำแก้ว
ไพเราะแพร้วไพรำลำนำถึง
เป็นเรื่องรักมหิมาพารำพึง
ประดุจดึงเดือนดาวลงเคล้าคลอ
จะเก็บองค์ลงวางยังกลางจิต
ลั่นดาลด้วยจุมพิตโดยจิตจ่อ
ใช้มงคลคล้องใจไม่รั้งรอ
มาลัยช่อชื่นจิตคิดจองจำ
แม้จะอยู่เดียวดายอย่างไร้คู่
จงตราตรูกลอนรื่นไว้ชื่นฉ่ำ
แตระไว้แทนอุบะน้อยร้อยลำนำ
ไว้คล้องคำเคียงมิตรสนิทนาน ฯะ
จารไว้หนึ่งมิตรคำเพื่อจำหลัก
ผูกสมัครถักทอก่อสมาน
ร้อยจำเรียงร้องรำเป็นบำนาญ
เริงสราญเคียงคู่อย่ารู้คลาย
เพียงบำเหน็จในวันนี้อย่าลี้จาก
หลายคำฝากยังค้างอยู่มิรู้หาย
แม้แสงไปให้เสียงอยู่ชูประกาย
ด้วยใจหมายในผัสสะร่วมประพันธ์
มาแล้วเด่นเห็นได้ประกายพรึก
ตกผลึกแล้วหายวับกลับไปนั่น
ตะวันลับแผ่แสงมาเช้าลากัน
เหลือแต่ฉันอยู่เดียวเปลี่ยวเหว่ว้า
เนิน จำราย