คีตะเคียงเสียงขลุ่ยผ่านปุยหมอก
ดุจมนต์ชั่วช้ำชอก อกยอกเปลี่ยว
เราเดินทางกลางเถื่อนเหมือนแดเดียว
มิมีเลี้ยวเอี้ยวย้ายจากปลายทาง
เสียงดนตรีที่ไหนจากใครหนอ
บรรเลงคลอเคล้าลมจิตตรมหมาง
ฤๅจักเป็นปมซึ้งของหนึ่งนาง
ช่างอ้างว้างวังเวงถ้อยเพลงนวล
พระจันทร์ฉายปลายฟ้าน้ำตาหยด
คืนรันทดหมดหวังยังไห้หวน
เดินทางไปในเยิงคล้ายเพลิงตรวน
ใจปั่นป่วนรวนเรเพราะเล่ห์ลม
ยังมีกลิ่นละอองของดอกเหมย
ลอยรำเพยพบพานาสาสม
เคล้าเอิบอิ่มอวลหอมจึงดอมดม
พาเศร้าตรมตัวช้ำอาบน้ำตา
เพียงคำนึงถึงนางอยู่ห่างอก
เหมือนวิหคหดหู่อยู่เวหา
เราเดินทางกลางไพรใจเอกา
คิดถึงหน้านวลเนื้อเมื่อขลุ่ยครวญ
ดุจมนต์ชั่วช้ำชอก อกยอกเปลี่ยว
เราเดินทางกลางเถื่อนเหมือนแดเดียว
มิมีเลี้ยวเอี้ยวย้ายจากปลายทาง
เสียงดนตรีที่ไหนจากใครหนอ
บรรเลงคลอเคล้าลมจิตตรมหมาง
ฤๅจักเป็นปมซึ้งของหนึ่งนาง
ช่างอ้างว้างวังเวงถ้อยเพลงนวล
พระจันทร์ฉายปลายฟ้าน้ำตาหยด
คืนรันทดหมดหวังยังไห้หวน
เดินทางไปในเยิงคล้ายเพลิงตรวน
ใจปั่นป่วนรวนเรเพราะเล่ห์ลม
ยังมีกลิ่นละอองของดอกเหมย
ลอยรำเพยพบพานาสาสม
เคล้าเอิบอิ่มอวลหอมจึงดอมดม
พาเศร้าตรมตัวช้ำอาบน้ำตา
เพียงคำนึงถึงนางอยู่ห่างอก
เหมือนวิหคหดหู่อยู่เวหา
เราเดินทางกลางไพรใจเอกา
คิดถึงหน้านวลเนื้อเมื่อขลุ่ยครวญ
บัณฑิตเมืองสิงห์