ภูมริน บินร่อน มาตอนเช้า
เห็นว่าเรา ดอกหญ้า พาเมินหมาง
ไม่สนใจ ใยดี หลีกลี้ทาง
ปล่อยอ้างว้าง โดดเดี่ยว อยู่เดียวดาย
ด้วยเหตุว่า ต่ำต้อย แสนน้อยค่า
ไม่ต้องตา ต้องฤทัย ไร้ความหมาย
ไม่เย้ายวน ชวนชื่น ระรื่นกาย
เขาจึงหน่าย พ่ายแพ้ แก่ภมร
จึงขอจร จำลา หลีกหน้าหลบ
ไม่อยากพบ จบนัก รักถ่ายถอน
จากเพียงกาย ใจนั้น หวั่นอาวรณ์
ยามกินนอน พร่ำเพ้อ ระเมอครวญ
พันทอง
ภุมริน บินผันผ่าน
มิเคยนาน กลั่นรัญจวน
สืบเสาะ เฉพาะนวล
น้ำค้างมวล ทั่วธานี
ติดดิน บนผืนดิน
เพราะเคยชิน และยินดี
เรื่อเลื้อย ปฐพี
แสงสุรีย์ ที่พร่าปน
แลเห็น สุรีย์ฉาย
ดั่งรอยทราย ปลายหน้าฝน
เมฆหมอก หยอกกมล
ที่ท่วมท้น มาชนวัน
ใต้หมอก บอกบางอย่าง
อยู่ระหว่าง จริงกับฝัน
ดอกหญ้า งดงามนั้น
รับตะวัน อันอำไพ
แสงแรก ณ ฝั่งฟ้า
ฉายลงมา จากฟ้าไกล
ผลิดอก และออกใบ
แลไร้ค่า แต่ว่างาม
ดอกหญ้า ของรการฯ
ย่อมชื่นบาน น่าเกรงขาม
ใบทอ เรียวพองาม
สมดั่งนาม ท่ามรัมภา
รการตติ