ดาวระดาษ สาดแสง แต่งแต้มฟ้า
ไม่เท่าหนึ่ง จันทรา คราเฉิดฉาย
แม้รายล้อม พร้อมดาว พราวพร่างพราย
ไม่อาจเทียบ หนึ่งหมาย มิคลายปอง
ดั่งเย้ยแสง แสร้งส่อง ท้องฟ้ากว้าง
กะพริบพร่างพรายแพร้ว ไร้แววหมอง
แสงนวลใย ใสเจือ ระเรื่อทอง
งามแผ้วผ่อง นภา ให้ตราตรึง
คราวโศกเศร้า เหงาใจ ใครบ่นว่า
แสงนวลตา เลือนหาย ให้คิดถึง
แม้มีดาว มากมาย ในคำนึง
ยังรำพึง ถึงจันทร์ นั้นหนึ่งเดียว
หากมีใคร รู้ซึ้ง หนึ่งคำรัก
ค่ายิ่งใหญ่ เกินจัก หักใจเหลียว
ยากหาสิ่ง ใดแทน แน่นดั่งเกลียว
มิอาจเกี่ยว ข้องใคร นอกใจจันทร์
ด้วยแรมร้าง ห่างหาย เหมือนไกลจาก
แต่ดวงใจ ยังฝาก ฟากฟ้าฝัน
จะรอดู โสมเจ้า พราวผ่องพรรณ
เป็นนิรันดร์ ปันแสง แห่งดวงเดือน
ยามนี้เดือน ข้างแรม มิแจ่มใส
มีหมู่ดาว พราวไสว ไว้เป็นเพื่อน
ทำหน้าที่ กลางนภา คราโสมเลือน
คอยย้ำเยือน ราตรี ที่มืดมน
จะรอจันทร์ เยี่ยมฟ้า พาไสว
ด้วยแสงพราว วิไล ไร้สับสน
ส่องสว่าง พราวพร่าง กลางหมู่ชน
ดับมืดมน กระจ่างได้ ใต้แสงจันทร์...
“สุนันยา”
จันทร์มาแล้วดาวจ๋าจันทร์มาแล้ว
มาเถิดแก้วดาวจ๋าจะรับขวัญ
ที่ห่างหายไม่เห็นหน้ามาหลายวัน
ขึ้นสวรรค์เยี่ยมด้าวท้าวไตรตรึงษ์
เด็ดดอกอาสาวดี...นี่เอามาฝาก
มอบจากใจคนยาก...ด้วยความคิดถึง
กลิ่นตรลบอบอวล...แน่ะอย่าหน้าบึ้ง
รับปากซักคำหนึ่งนะ...ว่าไม่งอน
เนิน จำราย