หนึ่งดวงจันทร์ล้านดวงดาวพร่างพราวกระพริบ
ระยับระยิบแต้มฟ้าราตรีเด่น
แต่ยิ่งมืดดวงดาวยิ่งชัดเจน
ลอยเริงเล่นเรียงเรียงเคียงดวงจันทร์
ต่างกับคนยืนดูอยู่บนพื้น
น้ำตาแต้มสะอื้นยืนโศกศัลย์
เพียงลมวูบพัดผ่านเสี้ยววารวัน
ร่างทั้งร่างก็หนาวสั่นสะท้านทรวง
และหัวใจลอยล่องสู่ท้องฟ้า
ไร้ทิศทางปรารถนาอาศัยสรวง
หมายฝากใจไปถึงจันทร์หนึ่งดวง
ซึ่งสักวันคงร่วงเหมือนดวงดาว
ระยับระยิบแต้มฟ้าราตรีเด่น
แต่ยิ่งมืดดวงดาวยิ่งชัดเจน
ลอยเริงเล่นเรียงเรียงเคียงดวงจันทร์
ต่างกับคนยืนดูอยู่บนพื้น
น้ำตาแต้มสะอื้นยืนโศกศัลย์
เพียงลมวูบพัดผ่านเสี้ยววารวัน
ร่างทั้งร่างก็หนาวสั่นสะท้านทรวง
และหัวใจลอยล่องสู่ท้องฟ้า
ไร้ทิศทางปรารถนาอาศัยสรวง
หมายฝากใจไปถึงจันทร์หนึ่งดวง
ซึ่งสักวันคงร่วงเหมือนดวงดาว
เพียงคำซึ้งหนึ่งใจ ส่งไปหา
ดวงจันทรา รับรู้ อยู่กลางหาว
แม้ดวงเดียว ท่ามกลาง ดาราพราว
สุกสกาว รายล้อม กล่อมแสงจันทร์
ยังมิชื่น เท่าหนึ่งใน น้ำใจมอบ
เหมือนปลุกปลอบ ฤดี ที่เสียขัวญ
หนึ่งดวงเดือน ก็มีเหตุ เจตจาบัลย์
ช่วงโศกศัลย์ บางที มีเดียวดาย
ฟ้ากว้างเกินประมาณ ยามกาลเคลื่อน
ดาวพล่าเลือน เดือนอดสู มิรู้หาย
ยามเมฆหม่น มืดบัง ดั่งทำลาย
ดวงจัทร์คล้าย แทบดับ...ลาลับลง...
"สุนันยา"
แม้ดวงดาวอาชาไนยไม่พราวพร่าง
ดาวรอบข้างน้อยใหญ่มีให้หลง
ดาวลูกไก่รวมหมู่อยู่เป็นวง
โน่นดาวธงดาวไถไม่เดียวดาย
หากนั่งดูดวงดาวบนราวฟ้า
ดาวระยิบกระพริบตาพาเศร้าหาย
แม้นผู้ที่มีคู่อยู่เคียงกาย
ดาวเรียงรายฟ้าไกลให้ขี้ชม
ถึงอ่อนแรงแสงน้อยดั่งด้อยค่า
เสกนภาสวยอร่ามงามเหมาะสม
ยามคืนแรมแจ่มฟ้าน่าภิรมย์
แต่ตรอมตรมจันทราไม่น่ามอง
ดาว อาขาไนย