ความทรงจำอันเปราะบาง
…………..
อากาศยังร้อนรุ่ม เหงื่อชุ่มหมอน
ได้ยินเพียงเสียงละคร ตอนหัวค่ำ
ดวงตะวันเปลี่ยนทิศ ก่อนมิดดำ
“คนเราอยู่เพื่อจำ..” ผมรำพึง
อาจเป็นความขัดแย้ง แสร้งหัวเราะ
ทุกรอยยิ้มบางเปราะ เพราะก้ำกึ่ง
เพื่อลบเลือนบางสิ่ง อันบึ้งตึง
วันนี้จึง “ไร้วี่แวว..” คุณแผ่วเบา
เสียเวลารับฟัง ดังพายุ
ที่ปะทุก่อตัว ทั่วหุบเขา
ยังแต่ความทาทึม อันครึ้มเทา
ณ มุมอับ-มุมเฉา ของเราเอง
ต้นเฟื้องฟ้า-ปลาทอง ยังร้องส่ง
ดอกไม้คงผลัดกลีบ อย่างรีบเร่ง
ต่างก็ทิ้งกิ่งใบ โดยไม่เกรง
เพื่อละเลงความปวด อันรวดร้าว
คือความไม่เข้าใจ ในส่วนลึก
สะท้อนความรู้สึก เกินบอกกล่าว
ระหว่างความทรงจำ เพียงครั้งคราว
เป็นเรื่องราวอ่อนไหว ใครจะรู้!!
………………
ความทรงจำอันเปราะบาง
หยิบความเหงาความอ้างว้างหนทางสู่
สมอารมณ์ความรู้สึกตรึกตรองดู
ที่หยับยู่อยู่ในห้วงความทรงจำ
...หลากหลายในความคิด
จนดวงจิต ดวงใจ ในคืนค่ำ
ล่องลอย ปล่อยวาง ต่างกระทำ
รู้สึก ลึกล้ำ เลือนราง
ชัดเจน เด่นชัด เช่นบางเรื่อง
มุมเมือง ชนบท บ้านที่สร้าง
สรรค์บุคคล ผลเหตุ ขอบเขตวาง
วาดไว้ เบาบาง หรืออย่างไร
ค่อยค่อยลบ ลายเส้น
ที่ชัดเจน จนเลือน เคลื่อนแล้วไหว
ผ่านค่ำ คืนวัน ฉันฝันไป
โดดเดี่ยว เปลี่ยวใจ ใช่ไหม? นั้น
หทัยกาญจน์
๒๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕
หยิบความเหงาความอ้างว้างหนทางสู่
สมอารมณ์ความรู้สึกตรึกตรองดู
ที่หยับยู่อยู่ในห้วงความทรงจำ
...หลากหลายในความคิด
จนดวงจิต ดวงใจ ในคืนค่ำ
ล่องลอย ปล่อยวาง ต่างกระทำ
รู้สึก ลึกล้ำ เลือนราง
ชัดเจน เด่นชัด เช่นบางเรื่อง
มุมเมือง ชนบท บ้านที่สร้าง
สรรค์บุคคล ผลเหตุ ขอบเขตวาง
วาดไว้ เบาบาง หรืออย่างไร
ค่อยค่อยลบ ลายเส้น
ที่ชัดเจน จนเลือน เคลื่อนแล้วไหว
ผ่านค่ำ คืนวัน ฉันฝันไป
โดดเดี่ยว เปลี่ยวใจ ใช่ไหม? นั้น
หทัยกาญจน์
๒๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕