Re: ร้อยกรอง ประลองคิด
ชุมชน บ้านกลอนไทย ชุมชนสำหรับคนไทยผู้รักกลอน
25 พฤศจิกายน 2024, 09:16:AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

กด Link เพื่อร่วมกิจกรรม ผ่านFacebook (หรือกดปุ่มสมัครสมาชิกด้านบน)
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ร้อยกรอง ประลองคิด  (อ่าน 8893 ครั้ง)
...สียะตรา..
Special Class LV6
นักกลอนเอกแห่งวังหลวง

******

คะแนนกลอนของผู้นี้ 396
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1,049


.


« เมื่อ: 25 เมษายน 2012, 09:49:AM »





......นมัสการพลันเพ่งด้วย.................ปริศนา

..."สุภัททะ"ซึ่งองค์พระพุทธา..............บวชให้

...ปัจฉิมสงฆ์แห่งศาสดา....................ก่อนดับ...ขันธ์นา

...เพราะท่านคือเวไนย.......................สงบพร้อมเรียนธรรม





     สุภัททะ,(ปัจฉิมสาวก)สาวกที่พุทธองค์บวชให้องค์สุดท้าย
   ปัจฉิมสักขิสาวก (สาวกผู้ทันเห็นองค์สุดท้าย) ของ
พระพุทธเจ้าเรียกสั้น ๆ ว่า ปัจฉิมสาวก  เดิมเป็นพราหมณ์
ตระกูลใหญ่.
   ต่อมาออกบวชเป็นปริพาชก  อยู่ในเมืองกุสินารา ในวันที่
พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน สุภัททปริพาชกได้ยินข่าว
แล้วคิดว่า ตนมีข้อสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง  อยากจะขอให้พระพุทธเจ้า
ทรงแสดงธรรม เพื่อแก้ข้อสงสัยนั้นเสียก่อนที่จะปรินิพพาน จึง
เดินทางไปยังสาลวัน ตรงไปหาพระอานนท์ แจ้งความประสงค์
ขอเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา พระอานนท์ได้ห้ามไว้ เพราะเกรงว่า
พระองค์เหน็ดเหนื่อยอยู่แล้ว  จะเป็นการรบกวนให้ทรงลำบาก
สุภัททปริพาชกก็คะยั้นคะยอจะขอเข้าเฝ้าให้ได้  พระอานนท์ก็
ยืนกรานห้ามอยู่ถึง ๓ วาระ  จนพระผู้มีพระภาคทรงได้ยินเสียง
โต้ตอบกันนั้น   (ด้วยสุภัททะนั้นเป็นเวไนยของพระพุทธเจ้า 
ไม่ใช่เป็นเวไนยของพระสาวก  สาวกทั้งหลายไม่อาจแนะนำ
สุภัททะนั้นได้) จึงตรัสสั่งพระอานนท์ว่า สุภัททะมุ่งหาความรู้
มิใช่ประสงค์จะเบียดเบียนพระองค์ ขอให้ปล่อยให้เขาเข้าเฝ้าเถิด 
สุภัททปริพาชกเข้าเฝ้าแล้วทูลถามว่า สมณพรามหณ์เจ้าลัทธิที่มี
ชื่อเสียงทั้งหลาย คือ  เหล่าครูทั้ง ๖  นั้น  ล้วนได้ตรัสรู้จริงทั้งหมด
ตามที่ตนปฏิญญา หรือได้ตรัสรู้เพียงบางท่านหรือไม่มีใครตรัส
รู้จริงเลย  พระพุทธเจ้าทรงห้ามเสียและตรัสว่าจะทรงแสดงธรรม
คือ หลักการหรือหลักความจริงให้ฟัง แล้วตรัสว่า อริยมรรคมีองค์ ๘
หาไม่ได้ในธรรมวินัยใดสมณะ (คืออริยบุคคลทั้ง ๔) ก็หาไม่ได้
ในธรรมวินัยนั้น อริยมรรคมีองค์ ๘ หาได้ในธรรมวินัยใด  สมณะ
ก็หาได้ในธรรมวินัยนั้น อริยมรรคมีองค์ ๘ หาได้ในธรรมวินัยนี้
สมณะทั้ง ๔ จึงมีในธรรมวินัยนี้ ลัทธิอื่น ๆ ว่างจากสมณะ และ
ตรัสสรุปว่า ถ้าภิกษุทั้งหลายเป็นอยู่โดยชอบ โลกก็จะไม่ว่างจาก
พระอรหันต์ทั้งหลาย  เมื่อจบพระธรรมเทศนา  สุภัททปริพาชก
เลื่อมใสทูลขอบรรพชาอุปสมบท พระพุทธเจ้าตรัสสั่งพระอานนท์
ให้บวชสุภัททะในสำนักของพระองค์  โดยประทานพุทธานุญาต
พิเศษให้ยกเว้นไม่ต้องอยู่ติตถิยปริวาส ท่านสุภัททะบวชแล้วไม่นาน
(อรรถกถาว่าในวันนั้นเอง) ก็ได้บรรลุอรหัตตผล นับเป็นพุทธ
ปัจฉิมสักขิสาวก(ปัจฉิมสาวก).


บุรพกรรมของสุภัททะ
   ได้ยินว่า  ในอดีตกาล  สุภัททปริพชกนั้น  เมื่อน้องชายให้ทานอัน
เลิศถึง ๙ ครั้ง  ในเพราะข้าวกล้าครั้งหนึ่ง,  ไม่ปรารถนาเพื่อจะให้
ท้อถอยแล้ว  ได้ให้ในกาลเป็นที่สุด.
   เพราะฉะนั้น  จึงไม่ได้เพื่อจะเฝ้าพระศาสดา  ทั้งในปฐมโพธิกาล
ทั้งในมัชฌิมโพธิกาล,  แต่ว่าในปัจฉิมโพธิกาล  ในเวลาเป็นที่
ปรินิพพานแห่งพระศาสดา







ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :

panthong.kh, ไร้นวล^^, sunthornvit, รการตติ, สุนันยา, พี.พูนสุข, รพีกาญจน์, Music, ยามพระอาทิตย์อัสดง, อริญชย์, averahontu, blues, ชลนา ทิชากร

ข้อความนี้ มี 13 สมาชิก มาชื่นชม
บันทึกการเข้า

Email:
Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF
s s s s s