เหลือพรรณนาคราแซมแย้มคนรัก
ผู้เหนื่อยหนักพักงานอย่าพาลขุ่น
ออกจากดงหลงทางร้างการุณ
หอบละมุนลูกน้อยตามกลอยใจ..
แบกลูกน้อยขึ้นบ่าตามหาเจ้า
ตั้งแต่เช้ายันค่ำคล้ำเหงื่อไหล
เลาะเลียบเขื่อนเหมือนเพ้อละเมอไป
เหนื่อยตรงไหนพักค้างอย่างกังวล
ถึงหน้าเขื่อนเหมือนล้าน้ำตาหลั่ง
มองหาฝั่งเวิ้งว้างร้างไพรสน
เกล็ดน้ำพลิ้วริ้วงามยามเยี่ยมยล
หลับตาลงหมองหม่น..ล้นอาวรณ์
เจ้าอยู่ไหนใครตามคอยถามข่าว
ในเรื่องราวคราวจากฝากเก่าก่อน
รู้บ้างไหมใจนั้นถูกบั่นรอน
หอบลูกน้อยตามวอนอ้อนเจ้าคืน
นั่งข้างเขื่อนเหมือนใจไร้รู้สึก
อกสะอึกจิตระทมแสนขมขื่น
มองหน้าลูกผูกใจให้กล้ำกลืน
ข่มสะอื้นฝืนยิ้มปริ่มน้ำตา
หากเธอยังมองดูได้รู้เห็น
ผู้ลำเค็ญโหยไห้ได้เสาะหา
หวังให้แม่พบลูกผูกสัญญา
ส่วนตัวข้าฯ ..ขอลาลับ ไปกับกาล.
ผู้เหนื่อยหนักพักงานอย่าพาลขุ่น
ออกจากดงหลงทางร้างการุณ
หอบละมุนลูกน้อยตามกลอยใจ..
แบกลูกน้อยขึ้นบ่าตามหาเจ้า
ตั้งแต่เช้ายันค่ำคล้ำเหงื่อไหล
เลาะเลียบเขื่อนเหมือนเพ้อละเมอไป
เหนื่อยตรงไหนพักค้างอย่างกังวล
ถึงหน้าเขื่อนเหมือนล้าน้ำตาหลั่ง
มองหาฝั่งเวิ้งว้างร้างไพรสน
เกล็ดน้ำพลิ้วริ้วงามยามเยี่ยมยล
หลับตาลงหมองหม่น..ล้นอาวรณ์
เจ้าอยู่ไหนใครตามคอยถามข่าว
ในเรื่องราวคราวจากฝากเก่าก่อน
รู้บ้างไหมใจนั้นถูกบั่นรอน
หอบลูกน้อยตามวอนอ้อนเจ้าคืน
นั่งข้างเขื่อนเหมือนใจไร้รู้สึก
อกสะอึกจิตระทมแสนขมขื่น
มองหน้าลูกผูกใจให้กล้ำกลืน
ข่มสะอื้นฝืนยิ้มปริ่มน้ำตา
หากเธอยังมองดูได้รู้เห็น
ผู้ลำเค็ญโหยไห้ได้เสาะหา
หวังให้แม่พบลูกผูกสัญญา
ส่วนตัวข้าฯ ..ขอลาลับ ไปกับกาล.
"บ้านริมโขง"
๒๓ เมษายน ๒๕๕๕