เพื่อไม่เป็นการเข้าใจผิดว่าเอ๊ะ อย่างที่ผมพูดผิดไป และท่านเนินจำรายแย้งมามันอย่างไหนที่ถูก ผมขออนุญาต ลบสิ่งที่ผมแย้งผิดไปและรวบรวมทำใหม่ตรงนี้ดังนี้
มาเขียนวน กลบท "สะบัดสะบิ้ง"
ให้เพราะพริ้ง คำคละ สละสลวย
ให้ดื่มด่ำ คำคุ้ม กระชุ่มกระชวย
ให้ชอบด้วย คำอุ่น ละมุลละไม
ก่อนจะเริ่ม ใจตก ระหกระเหี่ย
หาคำใช้ ไม่รายเรี่ย ฉะนี้ฉไน
ก็ท้อแท้ หมดสนิท กระจิตกระใจ
แล้วเริ่มไล่ เรียงศัพท์ ประคับประคอง
หลังรวมได้ ตัวฉัน ขมันขมี
เรียงวลี ร้อยผล สนนสนอง
แข่งเวลา แข่งประสงค์ ประลงประลอง
เพราะใจร้อง อย่างเรียก ตะเกียกตะกาย
"สะบิ้งสะบัด" ขัดกฎ จากบทเก่า
สลักเสลา หน้างบ้าง ทางหลังหาย
สติสตัง เริ่มรุด หลุดจากกาย
กระจัดกระจาย จนพอ จึงขอลา~แถม
จะกี่ดึก สะอึกสะอื้น ยืนมองฟ้า
ว่าจันทรา ประชดประชัน ฉันนั้นหรือ
โอบอุ้มรัก ละเมียดละไม ในอุ่นมือ
ดลรักดื้อ ตลบตะแลง เหมือนแกล้งกัน
ประคับประคอง ข่มใจ ละไมละเมียด
กระฟัดกระเฟียด ฮึดขยี้ ขมีขมัน
สราญสรมณ์ แปลงบท ประชดประชัน
ตะบี้ตะบัน จนรัก ทะลักทะลาย@ปราชญ์ศรีกวีน้อย
ความรู้เพิ่มเติม
ถ้าเล่นคำ- ด้านหน้า เป็นกลบท"สะบิ้งสะบัด"
- ด้านหลังคือกลบท"สะบัดสะบิ้ง"
- ตรงกลางจะเป็นกลบท"สะบัดจริงสะบิ้งจัด"
- หน้าหลังจะเป็นกลบท"นานาสะบัดสารพัดสะบิ้ง"
ผังตัวอย่าง กลบท"สบัดสบิ้ง" (XXX XXX ะAะA...XXX XXX ะBะB) *หมายเหตุ -ะ คือสระเสียงสั้น
กฏเกณฑ์บังคับ
นิยมเขียนเป็น “กลอนเก้าหรือสิบ” โดยใช้จังหวะ ๓/ (๒)๓ /๔
ตอนท้ายของทุกๆบาท ใช้ ”สระเสียงสั้น”ในพยางค์ที่ ๗ และ ๙ ขอบคุณมานะที่นี้ขอบคุณครับ