..แก้วหลงกรุง..
เรือนหลังคา หน้าจั่ว หัวสุดไขว้
ตามปุึระ สมัย ของไทยแท้
ดูถนัด วัดหลวง ข่วงท่าแพ
มี..กาแล ลายฉลุ เก่ากรุงาม
-ลายกนก สามตัว หัวสลับ
กาบซ้อนทับ ก้นห้อย ฝังรอยขาม
-ลายเมฆไหล ขดขัด ตวัดลาม
ก้านสองก้าม แยกยัน กันละทาง
-ลายเครือเถา กิ่งคล้าย ปลายขมวด
วกงองวด ม้วนกลม คมออกข้าง
๐รูปทรงอ่อน ลอนโปร่ง โค้งเลาบาง
ส่วนปลายล่าง แนบชิด ติดปั้นลม
๐รูปทรงตรง เรียบยาว ราวไม้แข็ง
พุ่งเลียดแทง ตัดไขว้ เห็นได้ถม
๐กากบาท ผงาดฟ้า หันหน้าชม
เศียรนาคข่ม ชี้ชัด ขนัดดี
+ป้องกันแมง แร้งกา บินมาเกาะ
+เครื่องหมายเคราะห์ พม่าทำ นำกดขี่
+สัญลักษณ์ ร่ำรวย ช่วยมั่งมี
+และทั้งนี้ ยึดไม้ ให้ติดกัน
..หิ้วปิ่นโต ตามพระ บิณฑบาตร
มิเคยขาด..แก้วกาแล..กลับแปรผัน
ไปทำงาน เมืองกรุง รุ้งลาวัณย์
ข้าโศกศัลย์ ใจแป้ว..แก้วหลงกรุง
รพีกาญจน์ 59
ขอบคุณภาพจาก Google ครับ
แก้วกาแล
เหมือนดั่งแก้วเจียระไนใกล้ขุนเขา
ความเปลี่ยวเหงาสะอื้นกลับคืนทุ่ง
แก้วกาแลฉายเฉิดเจิดจรุง
ดั่งหมายมุ่งตะวันอันอำไพ
จึงเหมือนแก้วซ่อนไว้กลางไพรกว้าง
อาจอ้างว้างในจินต์ประทิ่นไหว
เพียงคืนค่ำนิทราพาชื่นใจ
หอมกลิ่นไม้จับใจจากไอดิน
อรุณก็รุ่งแล้วแนวสันเขา
อันทอดเงาละเมียดในใจถวิล
จากริมน้ำสวยใสไหลระริน
เพียงได้ยินมายลมนต์ตรึงตรา
เปรียบมณีก้อนหนึ่งซึ่งคงอยู่
ก้มมองดูออกไปอาจไร้ค่า
หากแต่แก้วกลางไพรไร้มายา
จงรู้ว่าเธอคือแก้วอันแววงาม
ที่รอคนกำจายฉายแสงส่อง
งามดั่งต้องตาเพ่งน่าเกรงขาม
แก้วกาแล ชูไว้ใต้ฟ้าคราม
วับวาวท่ามเมกไม้แห่งไพรพง
แล้วจะกลับมาเยือนเพื่อนล้านนา
จำนรรจาให้ไว้ใจประสงค์
ไปแต่ตัวใจนั้นยังมั่นคง
ด้วยบรรจงเจียรแล้ว...แก้วกาแล ฯลฯ
รการตติ